“ไพศาล”ฟันเปรี้ยงพันธมิตร “พปชร.-ภท.”จับขั้วการเมืองใหม่ คาดจะได้ส.ส.รวมกัน 140 คน ชี้ขั้วใหม่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรบ.ทุกกรณี เหลือแต่จะจับกับขั้ว “พท.”หรือ “รทสช.”ไม่ต้องฟันธงใครจะเป็นรัฐบาลสมัยหน้า
เมื่อวันที่ 16 มี.ค.นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ถนนทุกสายมุ่งสู่เยนอาน
1.ในที่สุด ภท.ก็ไม่สามารถทนแบกเสลี่ยงให้ท่านขุนนั่งต่อไปได้ ฟางเส้นสุดท้ายคือการพักการทำหน้าที่รัฐมนตรีคมนาคมและรถไฟฟ้าสายสีส้ม ทำให้คนหัวอกเดียวกัน ต้องหันหน้าเข้าหากันเป็นธรรมดา
จึงเกิดปรากฏการณ์พันธมิตร “พปชร.+ภท.” ขึ้น และถือว่าเป็นขั้วการเมืองใหม่สุด ที่มีอนาคตจะได้ส.ส. รวมกันประมาณ 140 คน
กลายเป็นขั้วที่ถือดุลระหว่างขั้วเพื่อไทยและ รทสช.
หมายความว่าพันธมิตรขั้วใหม่นี้มีฐานะที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลทุกกรณี คงเหลือว่าจะเลือกจับมือกับขั้ว พท. หรือ รทสช.?
สถานการณ์แบบนี้คงไม่ต้องฟันธงแล้ว ว่าใครจะเป็นรัฐบาลสมัยหน้า ใครจะต้องเก็บข้าวของกลับบ้าน!!!
2.ธงการเมือง”ก้าวข้ามความขัดแย้ง เริ่มต้นประเทศไทย” หรือที่ลุงจิ๋วเคยเสนอว่า “สามัคคีภายใน รับศึกใหญ่ภายนอก” กำลังเปล่งอานุภาพชัดเจน และเป็นธงที่สะบัดไปคนละทางกับ ธงการเมือง “ทำศึกภายใน เป็นข้าไทต่างชาติ”
เมื่อการเมืองถูกต้อง ก็เข้าสู่กระบวนการพัฒนา “จากเล็กสู่ใหญ่ จากอ่อนสู่แข็ง”
การเข้าพรรค พปชร.ของอดีตรัฐมนตรีคลังธีรชัยและหม่อมหลวงกรณ์ฯ เป็นปรากฏการณ์ผิวน้ำเท่านั้น ขบวนนักสู้กู้ชาติและแกนนำมวลชนทุกสายที่ขานรับแนวทาง”ก้าวข้ามความขัดแย้ง เริ่มต้นประเทศไทย” ก็เคลื่อนไหวกันคึกคักยิ่งนัก!!!
มีสภาพเหมือนเมื่อครั้งเหตุการณ์ถนนทุกสายมุ่งสู่เยนอาน
ในขณะเดียวกัน ถ้าการเมืองผิดพลาด จากใหญ่ก็จะเป็นเล็ก จากแข็งก็จะเป็นอ่อน จากมีก็จะล่มสลาย
วิทยาศาสตร์สังคมประการนี้จะเห็นชัดขึ้นทุกวัน
3.ข่าวการยุบ 3 พรรคการเมือง ยิ่งเป็นกระแสใหญ่ระเบิดเถิดเทิงเท่าใด ก็คือการเผาใจประชาชนที่สนับสนุนพรรคการเมืองที่เป็นข่าวว่าจะถูกยุบนั้นให้โหมกระพือมากขึ้นเท่านั้น
และนี่คือการก่อตัวและขยายตัวของสถานการณ์ปฏิวัติประชาชาติที่ประมาทมิได้
4.บทบาทและปฏิบัติการต่างๆในการเลือกตั้งของ กกต.ในสถานการณ์ปัจจุบัน กับการเลือกตั้ง 2562 ที่มีมาตรา 44 และมีทหารค้ำจุน กับสถานการณ์ที่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการติดตามผลการเลือกตั้งและการระดมพลังประชาชนต่อต้านการโกงเลือกตั้งที่กำลังคึกคักทั้งประเทศในขณะนี้ คงไม่เหมือนกันหรอก!!!!