มือปืนโหด! ขี่ จยย.ขวางกระบะ ไล่ยิงหนุ่มวัย 27 ปี 11 นัด ร่างพรุนดับคาลานจอดรถ ตร.เร่งสอบหาปมสังหาร

มือปืนโหดขี่ จยย.ขวางกระบะกลางสี่แยกไฟแดง มาทะเลาะสาวใหญ่คนขับ ก่อนไล่ยิงหนุ่มวัย 27 ปีที่พยายามวิ่งหนี สุดท้ายโดนรัวร่างพรุน 11 นัดดับคาลานจอดรถ ตร.เมืองกาญจนบุรี เร่งสอบหาปมเหตุการสังหาร

เมื่อเวลา 07.45 น.วันที่ 29 พ.ย.64 เมื่อเวลา 07.45 น. วันที่ 29 พ.ย.64 พ.ต.ท. สุคนธ์ รัสเอี่ยม สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี รับแจ้งจาก ร.ต.ท.ปราศัย ปฐมเพทาย หัวหน้าจุดตรวจจุดสกัดตำบลปากแพรก ว่า เกิดเหตุชายใช้อาวุธปืนไล่ยิงใส่ผู้ชายอีกคนเสียชีวิต ที่ลานจอดรถ วังสารภีพลาซ่า หมู่ 9 ต.ปากแพรก หลังรับแจ้งเหตุจึงรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ต่อจากนั้น พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.อ.ภาคิน แสนพุฒิ ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ท.เสนีย์ เวชพัฒ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.วศิน พลายศิริ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.ศุภกิจ มหาโชคธรณี สวป.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ต.มารุต ฉัตรทัณฑ์ สว.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.สุธี ฉิมพลี นักวิทยาศาสตร์ สบ.3 พฐ.ภ.จว.กาญจนบุรี แพทย์เวร รพ.พหลพลพยุหเสนา และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ

พบศพร่างผู้เสียชีวิตสภาพนอนหงาย ใส่เสื้อยืดสีดำแขนสั้น นุ่งกางเกงขายาว โดยมีรองเท้าแตะตกอยู่ 1 คู่ สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้า ในที่เกิดเหตุพบเป็นลานจอดรถ วังสารภีพลาซ่า หมู่ 9 ต.ปากแพรก มีศพ นายอำพล ยุ้งทอง อายุ 27 ปี ชาวบ้าน ต.โคกสะอาด อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ สภาพศพใส่เสื้อยืดคอกลมสีดำ กางเกงยีนส์สีน้ำเงินเทา นอนหงายขาซ้ายไขว้บนขวาขา มือซ้ายวางที่หน้าท้อง นอนจมกองเลือด ตรวจพลิกศพเบื้องต้นพบว่า ศพถูกกระสุนเข้าจำนวน 9 นัด หน้าท้องชายโครงซ้ายขวา 2 นัด หลัง 2 นัด ท้ายทอย 1นัด เบ้าตา 1 นัด ขมับซ้าย 1 นัด หูซ้าย 1 นัด แขนซ้าย 1 นัด นอนเสียชีวิตอยู่ใกล้ท้ายรถเก๋ง MG สีบรอนซ์เทา ทะเบียน กทม. พบรองเท้าผู้ตายอยู่ห่างจากศพ 2 เมตร 

จากการตรวจสอบโดยรอบพบปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม.ตกอยู่กับพื้น จำนวน 11 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังพบประตูเหล็กของอาคารพาณิชย์ถูกลูกหลงยิงประตูเสียหายอีก 2 คูหา ขณะเดียวกันพบผู้หญิงนอนเป็นลมอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ 1 ราย ตามเสื้อผ้ามีคราบเลือดติดอยู่ เจ้าหน้าที่หน่วยพยาบาลมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอาการช็อก ทราบชื่อคือ นางรจนา ชีวี อายุ 50 ปี ชาวบ้าน หมู่ 2 ต.วังเย็น อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

นางรจนา กล่าวว่า ตัวเองกับผู้ตายเป็นเพื่อนกัน และกำลังเดินทางไปฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็ม 2 ที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา โดยผู้เสียชีวิตมีอาชีพทำนาอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ แต่ระหว่างที่ นางรจนา กำลังเล่าแต่กลับมีอาการคล้ายจะเป็นลมขึ้นมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวไปที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อให้พักผ่อน และรอให้ตั้งสติได้ก่อนจึงจะทำการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง สำหรับร่างของผู้เสียชีวิตหลังจากที่เจ้าหน้าที่ทำการพิสูจน์เบื้องต้นแล้วเสร็จ จึงนำไปไว้ที่ รพ.พหลฯ ก่อนที่จะส่งไปผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวช

ห่างจากจุดพบศพ 150 เมตร บริเวณสี่แยกไฟแดงวังสารภี พบ รถยนต์กระบะ อีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน บร 1849 กาญจนบุรี ของนางรจนา ถูกจอดทิ้งเอาไว้ที่บริเวณ 4 แยกไฟแดงวังสารภี โดยรถจอดในลักษณะวิ่งมาจากจากทางด้าน 3 แยกไฟแดงท่าล้อ อ.ท่าม่วง เมื่อมาถึงไฟแดง 4 แยกวังสารภีได้ขับชิดเลนขวาเพื่อเลี้ยวไปทางด้าน ต.หนองขาว อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี โดยเจ้าหน้าที่จราจรได้นำกรวยมากั้นและคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรเนื่องจากมีปริมาณรถเป็นจำนวนมาก โดยที่กระบะรถยนต์คันดังกล่าวนั้นมีกระสอบข้าวเหนียวอยู่ 4 กระสอบ

ชายคนขายพวงมาลัยอยู่ที่บริเวณสี่แยกวังสารภี กล่าวว่า ขณะที่กำลังเดินขายพวงมาลัยอยู่นั้น ได้มาเห็นผู้ที่ก่อเหตุเป็นชายผิวขาวรูปร่างสูงแต่มองไม่เห็นใบหน้าเนื่องจากสวมหมวกกันน็อก โดยชายคนดังกล่าวได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟสีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนมาจอดขวาด้านหน้าเอาไว้ จากนั้นได้ลงจากรถและพยายามเปิดประตูรถยนต์ฝั่งคนขับ ระหว่างนั้นตนได้ยินเสียงคนขับที่เป็นผู้หญิงมีปากเสียงกันกับชายผู้ก่อเหตุ ไม่นานนักก็มองเห็นผู้ชายคนที่เสียชีวิตเปิดประตูซ้ายแล้ววิ่งหลบหนี เมื่อชายผู้ก่อเหตุเห็นจึงขี่ จยย.ย้อนศรไล่ติดตามไปอย่างรวดเร็ว แล้วก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิต ที่บริเวณจุดเกิดเหตุ หลังจากก่อเหตุตนเห็นคนร้ายก็ขี่ จยย.หลบหนี โดยมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองกาญจนบุรี

ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำการสอบปากคำนางรจนา เพื่อหามูลเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้ นอกจากนี้ จะทำการตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดเอาใกล้กับจุดเกิดเหตุรวมทั้งตามเส้นทางที่คนร้ายใช้ในการหลบหนี และเชื่อว่านางรจนา จะรู้จักคนร้ายที่ก่อเหตุ คาดว่าจะสามารถติดตามจับกุมตัวได้เร็วนี้.