ระทึกกลางกรุง เดนคุกแฝงตัวเช่าโรงแรม ได้โอกาสขโมยคีย์การ์ด ส่วนกลางที่เปิดได้ทุกห้อง ขึ้นไปชั้น 4 บุกเข้าชิงทรัพย์หลานสาววัย 14 ปี เจ้าของโรงแรมได้เงิน 4,500 บาท ย่ามใจจับเหยื่อมัดทำอนาจารพยายามข่มขืน ตาเหยื่อได้ยินเสียงร้องเปิดประตูเข้าไปช่วย ถูกจับเป็นตัวประกันแทน ตำรวจ 191 หลอกล่อจะหาพาหนะหลบหนีให้จนยอมออกจากโรงแรม ยิงปืน ไฟฟ้าใส่จนร่วงช่วยเหลือเหยื่อปลอดภัย อ้างเมายาเค เลยก่อเหตุ ประวัติโชกโชนก่อเหตุชิงทรัพย์ปล้นทรัพย์ มาตั้งแต่เป็นเยาวชนรวม 16 คดี
เหตุจี้ตัวประกันกลางกรุงรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 ต.ค. ร.ต.อ.ชนะศึก โรจนพิทยากร รอง สว.(สอบสวน) สน.ยานนาวา รับแจ้งเหตุชายจับตัวประกันโรงแรมแบงค็อก เช็คอินน์ เลขที่ 63-65-67 ซอยเจริญกรุง 44 แขวงและเขตบางรัก กทม. ไปตรวจสอบพร้อมกำลังฝ่ายปราบปราม ฝ่ายสืบสวน สน.ยานนาวา และกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 คูหา 5 ชั้น ที่ชั้น 4 พบนายกำพล หรือหมี นากระโทก อายุ 31 ปี ใช้มีดยาว 6 นิ้ว จี้คอนายฐิติวัฒ อภิรามมงคล อายุ 87 ปีเจ้าของโรงแรมอยู่ เจ้าหน้าที่เข้าเกลี้ยกล่อมอยู่นาน จนนายกำพลยอมลงมาชั้นล่างออกมาที่หน้าโรงแรม โดยยังล็อกคอและใช้มีดจี้เหยื่ออยู่ ตำรวจ 191 สบโอกาสใช้ปืนไฟฟ้ายิงใส่หลังและเอวนายกำพลจนล้มลงควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนนายฐิติวัฒปลอดภัย
สอบถามนายวิชัย ศรีสด อายุ 56 ปี ตาผู้ต้องหาเล่าว่า หลานชายเพิ่งพ้นโทษออกจากคุกคดีปล้นทรัพย์ ยังไม่มีงานอะไรทำ ก่อนหน้านี้ 2 วันนายกำพลออกจากบ้านบอกว่าจะไปหาแฟนจากนั้นขาดการติดต่อ จนทราบเมื่อช่วงเช้าว่า หลานมาพักอยู่ที่เกิดเหตุ ไม่ได้คุยอะไรอีก มาทราบภายหลังว่า หลานก่อเหตุจี้จับตัวประกัน
เบื้องต้นตำรวจคุมตัวนายกำพลไปตรวจร่างกายที่ รพ.เลิดสิน ก่อนนำตัวมาสอบสวนที่ สน.ยานนาวา โดยมี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น.เดินทางมาสอบปากคำด้วยตัวเอง หลังจากนั้นเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหา เคยถูกจับกุมดำเนินคดีชิงทรัพย์และปล้นทรัพย์มาถึง 16 ครั้ง 13 ครั้งแรกก่อเหตุสมัยเป็นเยาวชน สำหรับมูลเหตุการลงมือทราบว่า เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ผู้ต้องหามาเช่าห้องพักชั้น 3 โรงแรมดังกล่าวราคาคืนละ 650 บาท โรงแรมนี้เป็นธุรกิจของผู้เสียหายและครอบครัว อาศัยอยู่ภายในโรงแรมด้วยเช่นกัน กระทั่งนายกำพลเสพยาเคเข้าไปจนเมา สบโอกาสก่อเหตุชิงทรัพย์เด็กหญิงวัย 14 ปี หลานเจ้าของโรงแรมที่พักอยู่ห้องชั้น 4 หลังได้เงินแล้วยังพยายามลวนลามกระทำอนาจารเหยื่อ เจ้าของโรงแรมเป็นตาของเด็กได้ยินเสียงเข้าไปช่วยจนถูกใช้มีดจี้ล็อกคอเป็นตัวประกัน
มีรายงานด้วยว่า ช่วงเช้าก่อนเกิดเหตุนายกำพลพักอยู่ชั้น 3 ขโมยคีย์การ์ดผ่านประตูผู้พักอาศัยที่วางอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ชั้นล่างขึ้นไปสุ่มเปิดห้องพักชั้น 4 เป็นโซนพักอาศัยของเจ้าของโรงแรมและญาติ กระทั่งเปิดห้องของ ด.ญ.แพรว (นามสมมติ) อายุ 14 ปี หลานเจ้าของโรงแรมที่อยู่ในห้องเพียงลำพัง นายกำพลข่มขู่เอาเงินสดจากเหยื่อราว 4,500 บาท แต่หลังได้เงินนายกำพลยังจับเหยื่อมัดด้วยเชือกผูกรองเท้า พยายามลวนลามจะข่มขืน ระหว่างนั้นนายฐิติวัฒตาของเหยื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เปิดห้องเข้าไปช่วยเหลือหลานทันท่วงที แต่ถูกนายกำพลใช้มีดจี้คอเป็นตัวประกัน ระหว่างเจรจากับตำรวจ นายกำพลร้องขอรถแท็กซี่พาหลบหนี ตำรวจเรียกรถแท็กซี่มาให้ จนผู้ต้องหาเผลอ ตำรวจ 191 ยิงปืนไฟฟ้าใส่จนคลี่คลายสถานการณ์ได้
เบื้องต้น ผบช.น.สั่งการให้พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา แจ้งข้อหาตามฐานความผิดที่เกี่ยวข้องทุกคดี อาทิ บุกรุก ชิงทรัพย์ กักขังหน่วงเหนี่ยว และกระทำอนาจาร นายกำพลเผยว่าอยากขอโทษผู้เสียหาย ที่ลงมือทำไปเพราะอยู่ในอาการมึนเมาจากการเสพยาเค
ต่อมาเวลา 15.15 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น.สั่งการให้ พล.ต.ต.สรเสริญ ใช้สถิตย์ ผบก.น.6 และ พ.ต.อ.วุฒิชัย ไทยวัฒน์ รอง ผบก.น.6 สอบปากคำ ร.ต.อ.ธวัชชัย พันธ์จิ๋ว รอง สว.งานสายตรวจ 2 บก.สปพ.บช.น. ตำรวจที่ตัดสินใจยิงปืนไฟฟ้าใส่นายกำพล ก่อนเข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ผบช.น.ย้ำว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นอีกหนึ่งบทเรียนของคดีจี้ชิงตัวประกัน กรณีนี้จะนำไปเป็นตัวอย่างให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ประสบเหตุลักษณะเดียวกันตัดสินใจเข้าคลี่คลายสถานการณ์ เพื่อให้ส่งผลกระทบน้อยที่สุด