ทางการรัฐแคลิฟอร์เนียกำลังเร่งทำแนวกั้น เพื่อสกัดน้ำมันที่รั่วไหลเป็นวงกว้างในทะเลทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย หวั่นคุกคามชีวิตสัตว์ทะเลจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่รัฐแคลิฟอร์เนียเร่งใช้วัสดุดูดซับน้ำมันแบบทุ่นลอยน้ำ ผูกทำแนวกั้นเพื่อหยุดยั้งน้ำมันที่รั่วไหลทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อไม่ให้คราบน้ำมันเข้ามาปกคลุมชายหาดและสัตว์ป่า หลังจากที่เกิดการรั่วไหลของน้ำมันครั้งใหญ่ที่สุดของรัฐแคลิฟอร์เนียในรอบหลายสิบปี โดยยังคงไม่ทราบที่มาที่แน่ชัด แต่เบื้องต้นคาดว่าอาจเกิดจากการรั่วของท่อส่งน้ำมันใต้น้ำ โดยนักประดาน้ำกำลังพยายามเร่งหาที่มาและสาเหตุของการรั่วไหล
ทั้งนี้ หลังจากเหตุน้ำมันรั่ว ชายหาดฮันทิงตันที่มีชื่อเสียงจำเป็นต้องปิดบริการชั่วคราว รวมทั้งแนวชายหาดในบริเวณใกล้เคียงเป็นระยะทางยาว 24 กิโลเมตร ต้องปิดบริการรวมทั้งห้ามเข้าไปตกปลาในพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เร่งเข้าทำความสะอาด และคาดว่าอาจจะต้องสั่งปิดเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ขณะที่ภาคพื้นดินมีการค้นหาสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมัน โดบพบทั้งนกทะเลและปลาถูกปกคลุมไปด้วยคราบน้ำมันจำนวนมาก คาดว่าจะสร้างความเสียหายให้แก่พื้นที่ชุ่มน้ำตามแนวชายฝั่งไม่น้อย พร้อมฝากแจ้งเตือนไปยังประชาชนที่พบสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำมันรั่ว อย่าเข้าช่วยเหลือด้วยตัวเอง แต่ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปดำเนินการจัดการทันที
ทั้งนี้ น้ำมันดิบราว 572,807 ลิตร รั่วไหลออกมาตั้งแต่เช้ามืดวันเสาร์ ส่งผลให้บริษัทแอมพลิฟาย เอเนอร์จี เจ้าของแท่นเจาะน้ำมัน และท่อส่งน้ำมันใต้น้ำ หยุดปฏิบัติการในช่วงค่ำของวันเดียวกัน ขณะที่ นายมาร์ติน วิลเชอร์ ซีอีโอของบริษัท ระบุว่า ทางบริษัทพร้อมที่จะดำเนินการทุกอย่างที่จำเป็น เพื่อช่วยแก้ไขปัญหานี้ และทางบริษัทได้ทำประกันความเสียหายเอาไว้ เพื่อจัดการกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ โดยยืนยันว่าขณะนี้พอจะทราบจุดที่เกิดการรั่วไหลแล้ว และจะส่งนักประดาน้ำไปตรวจสอบภายในช่วงบ่ายของวันจันทร์ตามเวลาในท้องถิ่น
โดยการรั่วไหลของน้ำมันในครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เกี่ยวกับความไม่เหมาะสมในการตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมันและท่อส่งน้ำมันใกล้กับชายฝั่งของเซาท์เทิร์น แคลิฟอร์เนียขึ้นอีกครั้ง เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศเป็นวงกว้าง.