เปิดใจ “ครูแดน” เล่าชีวิตนักโทษที่ว้าแดง ยันถูกหลอกไปติดคุก ยัดข้อหายาเสพติด ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.เชียงราย ได้ไปรับตัว นายระม้าย โมริพันธ์ หรือ “แดนนี่ “หรือ “ครูแดน” อายุ 40 ปี ชาว อ.ภูพาน จ.สกลนคร ผู้กำกับละครและครูสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับดารานักแสดง มาดำเนินการต่อตามกระบวนการ ภายหลังทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ไปรับตัวมาจากทางการเมียนมา จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และได้นำตัวมาสอบสวนเกี่ยวกับความมั่นคง ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ค่ายเม็งรายมหาราช
ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำไประยะหนึ่งครูแดนได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยครูแดนกล่าวว่า ก่อนอื่นตนต้องขอบขอบคุณผู้ใหญ่ทั้งฝั่งไทย ประเทศเมียนมาและเขตปกครองของว้า ที่ให้การช่วยเหลือและให้ความเป็นธรรมกับตน รวมทั้งช่วยติดต่อประสานและดูแลตนจนพาให้กลับคืนสู่ประเทศไทยได้อย่างปลอดภัย ซึ่งในช่วงที่ตนยังอยู่ในประเทศเมียนมาและเขตปกครองของว้านั้นได้รับการดูแลอย่างดี โดยมีการซื้อเสื้อผ้าและที่นอนชุดใหม่ให้ตน ส่วนการกินอยู่ก็ดูแลดีทุกอย่างด้วย
ครูแดน กล่าวถึงการเดินทางเข้าไปยังประเทศเมียนมาว่าตนเดินทางจากท่าอากาศยาน จ.ขอนแก่น ไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ แล้วจึงเดินทางไปยังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ก่อนที่จะมีคนไปรับที่สนามบินจากนั้นพาไปยังหมู่บ้านผาฮี้ ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จากนั้นได้มีคนขับขี่รถจักรยานยนต์ไปรับแล้วพานั่งซ้อนท้ายผ่านไร่กาแฟจนถึงฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา
ส่วนการที่ตนถูกหลอกไปคุมขังในเขตปกครองของว้านั้นมีกระบวนการตั้งอยู่ในฝั่งไทยแล้ว โดยมีเพื่อนคนหนึ่งที่รู้จักกับตนแนะนำให้ตนเดินทางไปยัง จ.ท่าขี้เหล็ก เพื่อไปเที่ยวและเมื่อไปถึง จ.ท่าขี้เหล็ก แล้วก็ได้รู้จักกับคนชื่อชัย ซึ่งก็มีการพากันไปกินเที่ยวตามปกติ แต่ครั้นตนจะขอเดินทางกลับกลับไม่ให้เดินทางกลับ กระนั้นก็ใช้ชีวิตกันตามปกติเหมือนกันเป็นพี่น้องกัน อย่างไรก็ตามเขาก็อาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจแล้วเชือดตนทันทีจนตนถอนตัวไม่ขึ้นและมารู้ตัวอีกครั้งก็ถูกส่งตัวไปอยู่ในเขตปกครองของว้าแล้ว
กระนั้นรายละเอียดเหล่านี้หากตนเล่าก็จะยาวเกินไปแต่ตนได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ไว้หมดแล้ว ครูแดน กล่าวอีกว่าช่วงที่อยู่ในเขตปกครองของว้าก็ถือว่าตนเป็นนักโทษของเขาซึ่งเขาก็ปล่อยให้หากินตามอัตภาพโดยมีข้าวให้ 3 มื้อ แต่กับข้าวอาหารเราทำกินกันเอง และที่ตนอยู่รอดมาได้เพราะได้รับความเมตตาจากผู้คนในเขตปกครองของว้าที่เห็นว่าตนถูกหลอกลวงไปอยู่ที่นั่น จึงได้รับการแบ่งปันของกินและช่วยเหลือด้านอื่นๆ จากประชาชนและคนที่ถูกจำคุกเหมือนกัน
ครูแดนกล่าวด้วยว่าตนยืนยันจากหลักฐานทั้งจากฝั่งเมียนมา ว้า และเจ้าหน้าที่ไทยก็น่าจะตรวจสอบประวัติแล้วว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดแต่อย่างใด ตนจึงขอให้หลักฐานเป็นสิ่งยืนยัน ซึ่งตนก็ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ไทยไปแล้วว่าตนถูกหลอกให้ไปถูกคุมขังดังกล่าวจริงๆ หากว่ายังไม่เชื่อก็ให้พาคนที่หลอกตนและตนมานั่งสอบถามกันก็จะรู้ และหากตนโกหกก็ขอพูดตามความเป็นจริงว่าให้นำตนไปยิงได้เลย ทั้งนี้ตนก็บอกตั้งแต่อยู่ในเขตว้าแล้วว่าตนถูกหลอกไปที่นั่น ทั้งๆ ที่ไม่เคยยุ่งยาเสพติดเลย โดยตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยคบหากับเพื่อนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาก่อนด้วย
ครูแดนกล่าวในตอนท้ายว่าส่วนข้อหายาเสพติดที่ทำให้ตนได้รับขณะอยู่ในเขตปกครองของว้านั้น เกิดจากการที่ตนถูกยัดข้อหา โดยหลอกตนไปแทนที่คนที่ต้องคดีนี้อยู่แล้ว ลักษณะเป็นตัวตายตัวแทน จากนั้นใช้เป็นข้ออ้างในการพาตนไปยังเขตปกครองของว้า โดยช่วงแรกตั้งข้อหาตนว่าหลบหนีเข้าเมือง แต่ต่อมาได้เพิ่มเป็นข้อหาเสพยาเสพติด ซึ่งในเขตปกครองของว้านั้นหากมีผู้เสพยาเสพติดจะต้องถูกลงโทษจำคุก 3 ปี บ้าง 6 ปีบ้าง แล้วแต่ความตั้งใจเสพและที่มาที่ไปของคดี ดังนั้นคนที่ทำกันตนนั้นตนเชื่อว่าเขาทำกรรมใดจะต้องได้รับผลของกรรมนั้นอย่างแน่นอน โดยเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายในประเทศไทย “เขาคงไม่พ้นเวรกรรม เขาทำแบบนี้จิตใจไม่ใช่คนแล้ว เอาคนไปทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ ทำกับแม่ของผม ทั้งข่มขู่คนที่มีอายุเยอะแล้วแม่ผม แม่ของผมเป็นคนดีอยู่ในศีลธรรมเขายังทำกับแม่ได้ บาป แรงกรรมมันเยอะ เดี๋ยวเขาได้รับกรรมของเขาเองแน่ครับ” ครูแดน กล่าวในที่สุด