‘ประสพโชค’ อดีตนายกอบต.โผล่พรรคพลังท้องถิ่นไท ยันบริสุทธิ์-โต้บงการยิงนายกอบต. ยันไม่ได้หนี-พร้อมเข้ามอบตัว ลั่นในพื้นที่ไม่มีมาเฟีย
กรณีคนร้ายยิงถล่มรถตู้ของ นายญาณกร โท้ประยูร นายก อบต.บางสมบูรณ์ จ.นครนายก จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่งผลให้นายสมชาย ม่วงกาศ อายุ 63 ปี รองนายก อบต.บางสมบูรณ์ และนายวัชระ นุชแดง อายุ 52 ปี คนขับรถ เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา บริเวณถนนปากท่อบางปรัง-เตยน้อย ม.2 ต.ศรีจุฬา อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก ก่อนตำรวจออกหมายจับ 3 ผู้ต้องหา ทั้งมือปืน คนขับรถและคนจัดหารถ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
สำหรับความคืบหน้า เมื่อวันที่ 24 ก.พ.65 ที่ทำการพรรคพลังท้องถิ่นไท นายประสพโชค นิ่มเรือง อดีตนายกอบต.บางสมบูรณ์ เปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า ตนไม่ใช่คนบงการคดีใช้อาวุธสงครามลอบยิงถล่มรถตู้นายญาณกรจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บ 2 คน สาเหตุที่มาเปิดใจภายในที่ทำการพรรคพลังท้องถิ่นไท ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการแอบอ้าง หรืออาศัยบารมีนายชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรค แต่เพราะมาประชุมเป็นประจำอยู่แล้ว เนื่องจากมีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารพรรค
ตนรู้สึกหวาดกลัวกับการใช้ชีวิตและเป็นห่วงความปลอดภัยของครอบครัว เนื่องจากหลังเกิดเหตุมักมีรถต้องสงสัย และชายฉกรรจ์ วนเวียนบริเวณหน้าบ้าน รวมถึงกลัวญาติ ผู้เสียชีวิตจะคิดแก้แค้น เพราะหลังเกิดเหตุตนเองก็ปรากฏในหน้าสื่อตกเป็นผู้ต้องสงสัย เลยอาจตกเป็นเป้า แต่ตนก็ยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ หากตำรวจจะจับกุม ตนก็จะไม่หลบหนีและพร้อมเข้ามอบตัว ยืนยันภายในพื้นที่อบต.บางสมบูรณ์ ไม่มีอิทธิพล และไม่มีมาเฟีย
ส่วนกรณีที่มีการจับกุมนายภูริวัฒ นิ่มเรือง หรือ “ออด” ฉายา กุมารดำ และออกหมายจับนายรัฐพล ต้นสุวรรณรัตน์ หรือ “บิ๊ก” ฉายากุมารขาว ที่มีความสัมพันธ์และใกล้ชิดกับตนเองนั้น นายประสพโชค ยืนยันว่า รู้จักในฐานะญาติ และเจ้านาย-ลูกน้อง โดยตนมีความสนิทสนมกับทุกคนในฐานะที่เป็นอดีตนายกอบต. แต่ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนตัวไม่เชื่อว่าน้องชายจะเป็นผู้ก่อเหตุ จึงเตรียมยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว และหากเจอหน้าจะถามว่า “ได้ก่อเหตุหรือไม่” ส่วนจะมีใครไปแก้แค้นแทนนายหรือไม่ ตนไม่สามารถจะไปรับรู้ได้ ตนไม่รู้ฉายากุมารดำ-กุมารขาว และไม่ทราบว่าฉายานี้มาจากไหน ใครเป็นคนตั้ง ยืนยันว่าไม่ใช่พ่อกุมารดำและกุมารขาว เพราะเป็นพี่น้องจะมาเรียกพ่อได้อย่างไร
“สังคมอย่าเพิ่งพุ่งเป้าไปที่ประเด็นการเมืองท้องถิ่น การหาเสียงในอดีต รวมถึงความขัดแย้งเรื่องแพ โดยยอมรับว่าแพมีการไปผูกที่บ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจริง แต่ไม่ได้นำมาเปิดเป็นร้านหมูกะทะ มีเพียงสมาชิก อบต. หรือกำนันผู้ใหญ่บ้าน นำอาหารไปจัดเลี้ยงเพียงบางครั้ง”
นายประสพโชค กล่าวว่า อยากให้สื่อหรือตำรวจไปย้อนดูคดีใช้อาวุธสงครามสังหาร 5 ศพ ในพื้นที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อปี 2555 และตรวจสอบประวัติของฝั่งตรงข้ามว่ามีศัตรูหรือมีความขัดแย้งกับบุคคลใดบ้าง ส่วนการสังหารครั้งนี้ ใครจะได้ประโยชน์ตนเองก็ตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับตำรวจสืบสวน ตอนนี้ไม่อยากพูดคุยกับใครทั้งสิ้น และครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พูดคุยกับสื่อมวลชน และจะไม่พูดคุยกับฝั่งนายก อบต.คนปัจจุบัน
ส่วนก่อนหน้านี้ที่ติดต่อไม่ได้ นายประสพโชค ยืนยันว่าไม่ได้ล่องหนไปไหน ทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน เนื่องจากมีคนติดต่อเข้ามาหาเยอะและเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย แต่หากจะตำรวจจะติดต่อให้ติดต่อผ่านทนายได้ ส่วนกรณีขอกำลังตำรวจมาดูแลความปลอดภัย ที่ผ่านมาก็มีเจ้าหน้าที่มาสอบถาม แต่ตนเองปฏิเสธ เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นตำรวจจริงหรือปลอม