“อนุทิน” เฉ่งพรรคร่วม นึกไม่ถึงคนกันเองป่วนขวาง พ.ร.บ.กัญชาฯ “สาธิต” ชี้ “ประชาธิปัตย์” เรตติ้งตก

"อนุทิน" เฉ่งพรรคร่วม ป่วนขวางกัญชา "สาธิต" ชี้ "ประชาธิปัตย์ "เรตติ้งตก (คลิป)

“อนุทิน” คาใจมารยาท ปชป.หวดนึกไม่ถึงคนกันเองขวางลำ พ.ร.บ.กัญชาฯ ลั่นถือเป็นนโยบายรัฐบาลพรรคร่วมฯต้องสนับสนุนอ้างไม่รู้ไม่ได้ พร้อมแจง ครม.อาจเข้าใจผิด ยันเป็นอำนาจ รมต.ออกประกาศ สธ. ไม่ต้องขอมติ ครม.ปัดหม่ำข้าวจีบ “สาธิต” ย้ายค่าย โอ่ ภท.คนเก่งเต็มแล้วไม่มีที่ว่าง “หมอตี๋” รับถูกทาบทามจริงแต่แน่วแน่ไม่คิดชิ่งหนี รับ ปชป.กระแสไม่ค่อยดี สถานการณ์บีบแถมหัวหน้าพรรคไม่ค่อยมีเสน่ห์ “จิราพร” เฉ่ง “บิ๊กตู่” บ้อท่าเก็บเกี่ยวประโยชน์จากเอเปกไม่ได้ “ม็อบราษฎร” ยกขบวนแฟนซีฝ่าไปไม่ถึงศูนย์ประชุมสิริกิติ์ปะทะด่าน คฝ.สกัดเข้ม อ่านแถลงการณ์หยุดฟอกเขียวนายกฯตู่ รับรองความชอบธรรมให้รัฐบาลเผด็จการ “บิ๊กตู่” ต้อนรับ “สี จิ้นผิง” ชื่นมื่น เปิดทำเนียบฯจับเข่าหารือ “ฟูมิโอะ-มาครง-จัสติน ทรูโด”

ความขัดแย้งเรื่องนโยบายกัญชาระหว่างพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ยังเป็นที่จับตาในแวดวงการเมือง ล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ตอกย้ำถือเป็นนโยบายของรัฐบาล โดยมารยาทการเมืองพรรคร่วมรัฐบาลต้องสนับสนุน

“อนุทิน” ชี้อำนาจ รมต.ออกประกาศ สธ.

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 พ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท.ให้สัมภาษณ์กรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ยังมีข้อกังวลรุมซักถามประกาศกฎกระทรวงสาธารณสุขเรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) ว่าประกาศดังกล่าวเป็นตามมติคณะกรรมการส่งเสริมและควบคุมพืชสมุนไพรเราทำตามหน้าที่เพื่อสร้างความชัดเจนว่าจะควบคุมการใช้กัญชาอย่างไร ลงนามแล้วส่งไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนที่ประชุม ครม.สอบถามถึงความชัดเจน คงเป็นความเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง การประกาศกระทรวงเป็นอำนาจของรัฐมนตรี ไม่ต้องขอมติใดๆจาก ครม. ถ้า ครม.มีประเด็นสงสัยถามได้ ยินดีตอบ แต่ไม่ใช่ว่าต้องเข้า ครม.ก่อนแล้วจึงจะนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นคนละประเด็นกันไม่มีขั้นตอนนั้น การประชุม ครม.ครั้งที่ผ่านมาติดภารกิจที่ต่างประเทศ ถ้าอยู่ด้วยจบไปแล้ว

นโยบาย รบ.พรรคร่วมฯ ไม่รู้ไม่ได้

เมื่อถามว่าเบื้องต้นได้อธิบายให้นายกฯเข้าใจแล้วหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า อธิบายแล้ว เพราะถ้าเป็นเรื่องที่นายกฯมีความสงสัย ต้องกราบเรียนอยู่แล้วและในการประชุม ครม.นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข คงไม่ได้ดูเรื่องนี้ในรายละเอียด เมื่อนายกฯให้ชี้แจงเลยไม่สะดวกที่จะชี้แจง ขณะที่อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ถูกเรียกตัวมาด่วนโดยที่ไม่ได้เตรียมข้อมูล น่าจะรอสักนิดตนจะชี้แจงได้ทุกอย่าง ทุกคนบอกเป็นห่วง บอกมีความกังวล โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล แต่พอออกกฎหมายกลับบอกว่าไม่เอา จะเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดมันคนละเรื่อง การเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดมันจะย้อนแย้งกับนโยบายของรัฐบาลตอนเข้ามา จะมาบอกว่าไม่รู้เรื่องก็ไม่ได้ เพราะพรรค ภท.หาเสียงเรื่องกัญชาตอนมาฟอร์มรัฐบาลทุกพรรคยอมรับนโยบายของแต่ละพรรค ถ้าถามถึงมารยาทพรรค ภท. ยกมือสนับสนุนเวลามีมติอะไรต่างๆของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งมติไม่ไว้วางใจ พรรค ภท.ยกมือสนับสนุนให้หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลหรือรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายทุกคน ทั้งสมาชิกดั้งเดิมและที่มาร่วมทีหลัง ถ้าถามถึงมารยาทนี่คือคำตอบ เรามีทั้งมารยาทและกาลเทศะทุกอย่าง

นึกไม่ถึงคนกันเองโดดขวาง

เมื่อถามว่าได้คุยกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) อาจจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด นายอนุทินกล่าวว่า กัญชาไม่ได้เป็นยาเสพติดแล้ว ป.ป.ส.เป็นผู้มีมติให้กัญชาออกจากยาเสพติดประเภทที่ 5 ถ้าจะเอากลับไปเป็นยาเสพติดใหม่ต้องเริ่มใหม่หมด ต่างคนต้องต่างทำหน้าที่ของตนเองจะดีที่สุดสนับสนุนซึ่งกันและกันเพื่อเสถียรภาพรัฐบาล และรู้จักการอยู่ด้วยกัน เพื่อสร้างสรรค์ทำให้เกิดความเป็นปึกแผ่น พรรค ภท.ยังยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอด ยึดถือมากๆในกติกาการอยู่ร่วมกัน ถ้าอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยความเข้าใจกฎหมายแบบนี้เสร็จแล้ว ตนไม่รอบคอบอยู่อย่างเดียวคือนึกไม่ถึงว่าพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองจะมาขวางกันเอง

จวกแรงถึงขั้นผิดสัตยาบัน

“เรื่องนี้ถ้าเสร็จไม่ทันก่อนการเลือกตั้ง เอาไปหาเสียงบอกกับประชาชนว่าเราถูกขวางอย่างไร ขอให้ประชาชนสนับสนุน เกือบจะถึงเส้นชัยอยู่แล้วอย่างไรหยุดไม่ได้ นโยบายใครนโยบายมัน ถ้าจะมาอยู่ร่วมกันต้องสนับสนุน ไม่ใช่นโยบายผิดกฎหมาย เมื่อถามว่ามีวงเสวนาของพรรคหนึ่ง หยิบยกประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่นไม่มีการใช้กัญชา แต่ล่าสุดไปญี่ปุ่นถ่ายรูปมาให้ดู โอ้โห ใช้มากกว่าเราอีก ได้ถามเขาทราบว่าเป็นสินค้าควบคุมมีมวนพันลำด้วย ขายอยู่ในห้างสรรพสินค้า คนไทยไปเห็นหมด ถ้าห่วงว่าคนจะเอาไปใช้ในทางที่ผิดต้องออกกฎหมาย แต่ไม่ใช่ว่าห่วงปุ๊บกฎหมายไม่ให้ออก แล้วบอกจะเอากลับไปเป็นยาเสพติดแบบนี้มันผิดสัตยาบันในการร่วมรัฐบาล” นายอนุทินกล่าว

ปัดไม่เคยจีบ “สาธิต” เข้า “ภูมิใจไทย”

เมื่อถามถึงกรณีนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์และมีผู้สื่อข่าวตั้งข้อสงสัยว่า หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยจีบให้ย้ายพรรคหรือไม่ เพราะภายหลังมีภาพร่วมทานอาหารด้วยกันออกมา นายอนุทินหัวเราะพร้อมกล่าวว่าไม่เคยคิดจีบ ไม่กล้าจีบ นายสาธิตเป็นรองหัวหน้าพรรค มีอนาคตที่ไกลในพรรค ปชป.อยู่แล้ว เราจะไปดึงมาทำไม เพราะที่พรรค ภท.มีบุคลากรที่มีความสามารถเยอะอยู่ คงไม่มีที่เหมาะสมสำหรับท่าน เรื่องนี้ไม่มีมูลเลย ผู้สื่อข่าวมโนหรือเปล่า เห็นทำงานกันด้วยดีก็ทึกทัก

"อนุทิน" เฉ่งพรรคร่วม ป่วนขวางกัญชา "สาธิต" ชี้ "ประชาธิปัตย์ "เรตติ้งตก (คลิป)

“ตี๋” รับ ปชป.กระแสตก–หน.เสน่ห์น้อย

นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุขและรองหัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวในรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ถึงกระแสข่าวถูกจีบให้ย้ายไปร่วมงานกับพรรคอื่นว่า ยอมรับว่ามีการทาบทามจริง เกิดขึ้นทุกครั้งก่อนการเลือกตั้งครบวาระ ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ครั้งแรก แต่ยังแน่วแน่อยู่กับพรรค ปชป. ถ้ายังเดินตามอุดมการณ์แบบเดิมเป็นพรรคไม่มีเจ้าของ เดินหน้าการเมืองโดยเป็นรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้านก็ได้ เพราะตนเกิดจากทางการเมืองจากพรรค ปชป. แต่ยอมรับว่ากระแสพรรคปชป.ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ทั้งจากสถานการณ์หรือความมีเสน่ห์ของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคที่ไม่ค่อยมี แม้หัวหน้าจะทำงานหนักก็ตาม เพราะเป็นคนไม่ค่อยพูด ค่อนข้างเรียบร้อยจึงมีเสน่ห์น้อย ทำให้คะแนนนิยมไม่ดีเท่าที่ควร แต่ความเป็นสถาบันของพรรคเราคือ ไม่มีใครเป็นเจ้าของหรือสั่งการได้ หากเทียบกับพรรคอื่น

ภท.จีบจริงแต่ไม่คิดย้ายพรรค

เมื่อถามว่าแต่ภาพที่ปรากฏคือ พรรคภูมิใจไทยจีบเหลือเกิน จริงเท็จอย่างไร นายสาธิตกล่าวว่า “ต้องขอบคุณท่านอนุทินที่ให้เกียรติในฐานะเป็นลูกน้องเขาที่กระทรวง สธ. บางเรื่องเห็นตรงกัน บางเรื่องเห็นไม่ตรงกัน แต่ท่านให้เกียรติ เวลาท่านชวนในลักษณะสุภาพ เพราะท่านเห็นว่าอยู่ที่นี่มานาน ขอบคุณท่านและบอกว่าคงไปอยู่ด้วยไม่ได้ ท่านมีคนไปร่วมเยอะเเล้ว แต่ผมยังอยู่ตรงนี้และมีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรคด้วย ขอบคุณที่ท่านให้เกียรติ และยังให้ความเคารพนายอนุทินปกติเหมือนเดิม”

“พงศ์สินธุ์” เบี้ยวไม่โผล่ตามนัดสื่อ

วันเดียวกัน เวลา 11.00 น. นายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคปชป. น้องชายนายเทพไท เสนพงศ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคและอดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช 4 สมัย นัดสื่อมวลชนมายื่นใบลาออกสมาชิกพรรค ปชป. คืนเสื้อสัญลักษณ์พรรคให้ผู้บริหารพรรคผ่านนายวิรัช ร่มเย็น ในฐานะนายทะเบียนพรรค โดยมีสื่อมวลชนจำนวนมากมารอทำข่าว แต่รอกระทั่ง 12.00 น. นายพงศ์สินธุ์ยังไม่มา โดยที่พรรคปิดประกาศที่ประตูสำนักงานทางเข้าพรรคทั้งอาคารควง อภัยวงศ์และหน้าอาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ว่า พรรคปิดทำการ 3 วัน ระหว่างวันที่ 16-18 พ.ย.65 ช่วงประชุมเอเปก 2022 ไม่มีเจ้าหน้าที่พรรคมาทำงาน เหลือแต่รปภ.พรรค 3 คนเท่านั้น

คน ปชป.ฉะจะไปอย่าทำร้ายบ้านเดิม

นายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.คณะกรรมการประสานงานองค์กรเครือข่ายภายนอกพรรคและคณะกรรมการกิจการสาขา ตัวแทนจังหวัดและสมาชิกพรรค ปชป.กล่าวว่า มารยาทการจากลามีหลายวิธี ไม่จำเป็นต้องทำร้ายบ้านเดิม พี่ชาย 2 คนของนายพงศ์สินธุ์ ทั้งอดีต ส.ส.กับอดีตนายก อบจ.ยังรับโทษข้อหาทุจริตการเลือกตั้ง พรรคจำเป็นต้องหาบุคคลที่ดีที่สุดมาลงสมัคร หลังให้โอกาสลงเลือกตั้งซ่อมไปแล้ว ขอให้จากกันบนพื้นฐานมารยาทแห่งวิญญูชน เชื่อมั่นว่าหลายท่านส่วนใหญ่ในตระกูลเสนพงศ์ยังคงรักพรรค ต้องการรักษามารยาทที่ดีงามไว้

“แต้ม” ซัดอยากดังหรือทำลายพรรค

พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือผู้การแต้ม อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรค ปชป. กล่าวว่า นายพงศ์สินธุ์ เตรียมแถลงข่าวเพื่ออะไร ขอให้ตระหนักมารยาททางการเมือง ทุกพรรคมีลาออกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนสมาชิกเป็นปกติธรรมดาของคนทำงานการเมือง นายพงศ์สินธุ์อยู่กับพรรคได้รับการสนับสนุนให้โอกาสเติบโตทางการเมืองกับทุกคน แต่จะยื่นจดหมายลาออกแล้วต่อว่าพรรคไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ไม่ใช่ความจริง ทำเพื่ออะไร เหมาะสมหรือไม่ อยากดังหรืออยากทำลายพรรค สังคมไทยยึดถือความกตัญญูรู้คุณ ไม่เคยเห็นคนลืมบุญคุณคนเจริญสักคน

"อนุทิน" เฉ่งพรรคร่วม ป่วนขวางกัญชา "สาธิต" ชี้ "ประชาธิปัตย์ "เรตติ้งตก (คลิป)

“วัชระ” โว “บิ๊กเนม” จ่อซบ สอท.เพียบ

ที่พรรคสร้างอนาคตไทย นายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) และประธานภาคกลาง เป็นประธานประชุมผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคกลางของพรรค มีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และนายวิเชียร ชวลิต รองหัวหน้าพรรคและ ผอ.พรรค ร่วมด้วยโดยนายวัชระกล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์การเมืองในพื้นที่และการทำงานเชิงลึก ตั้งแต่เดือน ธ.ค.เป็นต้นไปจะเริ่มเปิดตัวผู้แสดงเจตจำนงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทุกคน ภาคกลางส่งครบทุกจังหวัด หลังเอเปกเชื่อมั่นว่าการเมืองจะเคลื่อนไหวรุนแรงและรวดเร็ว ทั้งการขับเคลื่อนของนายกฯ การขับเคลื่อนแต่ละพรรค หรือแม้แต่พรรค สอท.จะมีนัยสำคัญ กล้าประกาศอย่างมั่นใจเลยว่าพรรคจะใหญ่ขึ้น จะทยอยเปิดบิ๊กเนมตัวละครลับๆ จะกลายเป็นแม่เหล็กทางการเมืองดึงดูด ส.ส.และคนมีคุณภาพมาร่วมงานอีกหลายคน โดยเฉพาะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคและแคนดิเดตนายกฯพรรค แม้เพิ่งเปิดตัวลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่แค่ 3-4 ครั้ง แต่กระแสตอบรับล้นหลาม เชื่อมั่นเป็นมือหนึ่งเศรษฐกิจประเทศในยุคนี้

แซะปลาย รบ.พรรคร่วมตีกันเละ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯหลังประชุมเอเปกว่า ก่อนที่พรรค ภท.จะมาโทษฝ่ายค้านควรหันไปดูการทำงานร่วมกันในพรรคร่วมรัฐบาลก่อน ยังเห็นต่างกันหลายประเด็น และไม่ใช่เฉพาะเรื่องนี้ เชื่อว่ายิ่งใกล้วันยุบสภาจะยิ่งเกิดความขัดแย้งรุนแรงระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล นอกเหนือจากพรรค ปชป.กับพรรค ภท. พรรค พปชร.ที่กำลังประสบปัญหาวิกฤติศรัทธา หลายนโยบายที่หาเสียงไว้ทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำ คาดว่าช่วงโค้งสุดท้ายจะหันมาร่วมถล่มพรรคร่วมด้วยกันเอง เพราะอาจเหลือแนวทางที่เป็นทางเลือกและทางรอดสุดท้ายที่จะใช้เลือกตั้งครั้งหน้า ขนาด พล.อ.ประยุทธ์ยังมีแนวโน้มโบกมือลา ขนลูกพรรคในกลุ่มไปอยู่พรรคใหม่ แสดงว่าชื่อชั้นของ พปชร.และพรรคร่วมรัฐบาลขายไม่ได้ 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ การปฏิรูปการเมืองไม่มีอยู่จริง วิกฤติศรัทธาพุ่งเข้าใส่พรรคร่วมรัฐบาล นำมาซึ่งความขัดแย้งรุนแรงในพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้ประชาชนอยู่อย่างสิ้นหวัง

ฉะ “บิ๊กตู่” หาประโยชน์อาเซียนไม่ได้

น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพเอเปกมาแล้ว 2 ครั้ง สำเร็จที่สุดยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ที่แสดงบทบาทนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ทั่วโลกต้องจับตามองไทย อีกหนึ่งปัจจัยนายทักษิณมีวิสัยทัศน์ด้านเศรษฐกิจ ขณะที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ผู้นำจากรัฐประหารสถานะอ่อนด้อย ไม่ได้รับการยอมรับในเวทีโลก ไม่มีนโยบายช่วยวางรากฐานให้โครงสร้างเศรษฐกิจไทยเติบโตระดับนานาชาติได้ เน้นแค่มาตรการระยะสั้น แม้รัฐบาลไทยจะผลักดันแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG เป็นหลักคิดที่ดีเน้นสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและสมดุล แต่น่าเสียดายว่าภายใต้การบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ อาจเป็นเพียงแค่วาทกรรมสวยหรู แต่ไม่ทำให้ไทยได้ประโยชน์จริง ผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่โดยเฉพาะ SME ขาดทุนหนักจากวิกฤติโควิด-19 แต่ไร้มาตรการเยียวยาช่วยเหลือเหมาะสมจากรัฐบาล อีกทั้งสถานะผู้นำเผด็จการของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นอุปสรรคต่อการเจรจาในเวทีโลก เป็นได้เพียงแค่ผู้จัดการประชุมนานาชาติ แต่ไม่เชิดหน้าชูตา ไม่สามารถใช้เวทีการประชุมเอเปกแสดงบทบาทนำ เพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์สูงสุดให้ประเทศได้

“บิ๊กตู่” ถก “มาครง” พร้อมจับมือทุกมิติ

สำหรับภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก 2022 และการต้อนรับผู้นำและหารือทวิภาคี เมื่อเวลา 09.00 น. นายกฯ เป็นประธานกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน APEC CEO Summit 2022 ที่โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก ถนนวิทยุ จากนั้นเวลา 11.00 น. หารือทวิภาคีกับนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือความร่วมมือทุกมิติ นายกฯขอรับการสนับสนุนให้โหวตเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 ที่ จ.ภูเก็ต ในเดือน มิ.ย.66 และรื้อฟื้นการเจรจา FTA ไทย-EU ซึ่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ยืนยันพร้อมสนับสนุนอย่างแข็งขัน จากนั้นเวลา 13.55 น.ที่ห้องรับรองพิเศษ สนามบินสุวรรณภูมิ นายกฯหารือทวิภาคีแบบสั้น (pull-aside) กับนายจอห์น ลี คา-ชิว ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง

ต้อนรับ“สี จิ้นผิง” จับเข่าคุย “ฟูมิโอะ”

ต่อมาเวลา 14.20 น. นายกฯ และนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา ต้อนรับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและภริยา ที่เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต่อจากนั้นเวลา 16.00 น. หารือกับนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น โดยนายกฯยืนยันไทยพร้อมเป็นหุ้นส่วนพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน และส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจพลังงานคาร์บอนต่ำ ญี่ปุ่นพร้อมพิจารณาใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของไทยร่วมมือด้านการทหารและการป้องกันประเทศกันอย่างใกล้ชิด ร่วมเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา ช่วยเหลือประเทศที่ 3 อย่างต่อเนื่องจนพัฒนาและยกระดับสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน

ปลื้มไทย–แคนาดาฟื้นท่องเที่ยว

จากนั้นเวลา 17.15 น. ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ หารือทวิภาคีกับนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือต่างๆที่สำคัญ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว นายกฯแคนาดายินดีที่สายการบิน Air Canada จะเปิดเส้นทางบินตรงแวนคูเวอร์-กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) นายกฯเห็นพ้องและเชื่อมั่นว่าจะสามารถส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น

จัดกาลาดินเนอร์ต้อนรับผู้นำเอเปก

กระทั่งเวลา 20.00 น.ที่หอประชุมกองทัพเรือ ถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่ นายกฯเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก (AELM Gala Dinner) และเวลา 23.15 น.นายกฯและภริยา รับเสด็จเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กทม.

ชงขับเคลื่อนตั้งเขตการค้าเสรีเอเปก

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปก ที่เป็นประธานร่วมกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศว่า ที่ประชุมมีฉันทามติร่วมกันขับเคลื่อนเป้าหมายกรุงเทพฯด้านบีซีจี จะเสนอให้การประชุมผู้นำวันที่ 19 พ.ย.พิจารณาต่อไป และเห็นพ้องขับเคลื่อนความร่วมมือเอเปกไปสู่เป้าหมายการจัดตั้งความตกลงการค้าเสรีเอเปกในอนาคต เปิดกว้างด้านการค้า การลงทุน สนับสนุนการค้าพหุภาคีโดยมีองค์การการค้าโลกเป็นศูนย์กลาง เร่งสร้างขีดความแข่งขันด้านบริการเอเปก ทั้งท่องเที่ยว ขนส่ง รวมทั้งผลักดันให้สตรี ไมโครเอสเอ็มอีและกลุ่มเปราะบางมีส่วนร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและใช้ประโยชน์จากเศรษฐกิจดิจิทัล และสนับสนุนแนวคิดการค้าสู่ความยั่งยืนทั้งด้านการค้าและบริการ

ด้านนายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สาระสำคัญที่ประชุมหารือถึงสถานการณ์ราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูง ความมั่งคงด้านอาหาร ปัญหาซัพพลายเชนหยุดชะงักช่วงโควิด ที่นำหลักการ BCG ซึ่งเริ่มต้นขึ้นที่ประเทศไทย จะถูกนำไปสานต่อในการประชุม APEC ครั้งหน้าในปี 2566 ที่สหรัฐฯเป็นเจ้าภาพเพื่อให้เกิดผลต่อไป

"อนุทิน" เฉ่งพรรคร่วม ป่วนขวางกัญชา "สาธิต" ชี้ "ประชาธิปัตย์ "เรตติ้งตก (คลิป)

ม็อบบุกแยกอโศกฯเขย่าเอเปก

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่แยกอโศกมนตรี เครือข่ายราษฎร กลุ่มที่มีเป้าหมายเรียกร้องยกเลิกมาตรา 112 และขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นำโดยนายกรกต แสงเย็นพันธ์ กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย นายรัฐภูมิ เลิศไพจิตร กลุ่ม We Volunteer น.ส.อันนา อันนานนท์ กลุ่มนักเรียนเลว น.ส.ธนพร วิจันทร์ เครือข่ายแรงงาน Supporter Thailand และ น.ส.ฉัตรพี อาจสมบูรณ์ กลุ่มศาลายาเพื่อประชาธิปไตย นายสมชาย คำนะ กลุ่มทะลุแก๊ส น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือใบปอ ทะลุวัง ฯลฯ นัดหมายมวลชนเข้าร่วมชุมนุม what happened in Thailand เพื่อเดินขบวนไปยื่นหนังสือถึงผู้นำเอเปก ให้พิจารณาถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากรัฐบาลไทย ทั้งการจับกุมคุมขังประชาชนที่เห็นต่าง คุกคามในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งใช้กฎหมายปิดปาก โดยเฉพาะมาตรา 112 ก่อนหน้าเวลานัดหมาย มีกำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชน พร้อมอาวุธทั้งโล่ กระบอง ปืนยิงกระสุนยาง ระดมตั้งแถวกระจายตรึงพื้นที่รอบสี่แยกอโศก โดยเฉพาะฝั่งถนนรัชดาภิเษก ที่จะมุ่งหน้าไปยังศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สถานที่ประชุมเอเปก

ปะทะ คฝ.ฝ่าไม่ถึงศูนย์ประชุมฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นนายเจษฎา ศรีปลั่ง กับนางนภัสสร บุญรีย์ 2 ผู้ชุมนุม นำป้ายประท้วงด่าทอมาชูริมถนนสุขุมวิท ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปควบคุมตัวผลักดันกันออกจากพื้นที่ และกระชากป้ายจากมือนางนภัสสร ทำให้มวลชน ไม่พอใจฮือเข้ามาผลักดันตะโกนด่าตำรวจ น.ส.ธนพร วิจันทร์ แกนนำ ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่า เราแค่มายื่นหนังสือ ขอให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลัง และให้มวลชนไปรวมตัวกันที่ใต้สะพานลอยสกายวอล์ก บีทีเอส อโศก สถานการณ์ถึงยุติลงได้ จากนั้นมวลชนพากันเปลี่ยนชุดแฟนซี อาทิ ชุดไดโนเสาร์ ชุดหมีพูห์ ชุดนักโทษ ฯลฯ ชูป้ายข้อความเรียกร้องสลับกับตะโกนคำว่า “ประยุทธ์ออกไปๆ” จากนั้นตั้งขบวนเตรียมเดินเท้าไปยังศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แต่กำลังตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ราว 1 กองร้อย พร้อมอาวุธครบมือตั้งแนวสกัด ประกาศว่าการชุมนุมไม่ชอบด้วยกฎหมายและให้ยุติทันที ขณะที่มวลชนพากันเข้าผลักดันโล่ตำรวจ คฝ. แต่ผ่านไปไม่ได้

อ่านแถลงการณ์หยุดฟอกเขียว “ตู่”

กระทั่งเวลา 13.30 น. แกนนำได้หารือมอบหมายให้ น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือใบปอ ทะลุวัง อ่านแถลงการณ์ใจความว่า เรียนสมาชิกกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกและสมาชิกที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุม เราประชาชนยินดีอย่างยิ่งต้อนรับเข้าสู่เทศกาลแห่งการโกหกครั้งใหญ่ ตั้งแต่ความปลอมเปลือกของบริเวณที่ประชุม ถนนหนทางถูกซุกขยะไว้ใต้พรมแดง โรยด้วยผักชีที่กลิ่นแรงยิ่งกว่ากุหลาบใดๆ การต้อนรับอย่างอบอุ่น และเสแสร้งนี้เป็นเครื่องมือรับรองความชอบธรรมของรัฐบาลเผด็จการ อัปลักษณ์ในผ้าคลุมของการเลือกตั้งตามกติกาของรัฐธรรมนูญฉบับโจร เป็นลิเกโรงใหญ่ ละเมิดสิทธิประชาชนในรูปแบบต่างๆ ก่อนพากันนำสีฟ้ามาเทสาดใส่ภาพสัญลักษณ์เอเปก 2022 และป้ายผ้าคำว่า “หยุดฟอกเขียว” สื่อถึงการจัดประชุมที่ไม่เห็นหัวประชาชน จนสีที่สาดข้ามไปโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่พยายามยึดป้ายจนเกิดการยื้อแย่งชุลมุนกันเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม แม้แกนนำประกาศยุติชุมนุม แต่ยังคงมีแนวร่วมจำนวนหนึ่งหัวร้อนอารมณ์ค้าง ไม่ยอมกลับพยายามยั่วยุเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำสีสเปรย์ฉีดใส่โล่ ขว้างขวดน้ำ สาดสีใส่ ผลักดันด่าทอต่างๆ นานาจนพอใจแล้วจึงแยกย้าย

แนวร่วมงัดยุทธการดาวกระจาย

ขณะที่บริเวณลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการ กทม.การชุมนุมของกลุ่มราษฎรหยุดเอเปก 2022 เครือข่ายเอ็นจีโอและภาคประชาชนกว่า 70 องค์กร เมื่อเวลา 09.00 น. มวลชนนำรถกระบะติดเครื่อง ขยายเสียงไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนน ราชดำเนิน นำป้าย “หยุดเอเปก 2022” ไปติดแทนนำป้ายข้อความต้อนรับการประชุมเอเปก ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ คฝ.เข้ามายึดป้าย ปะทะยื้อยุดกันประมาณ 10 นาที จากนั้นมวลชนได้แยกย้ายแบบดาวกระจายออกไปทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ตามบริษัทเอกชน และหน่วยงานต่างๆ เพื่อเรียกร้องให้รับผิดชอบต่อสินค้าและโครงการที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สอดรับกับเวทีปราศรัยที่ลานคนเมือง มีการจัดเสวนา เรื่องนโยบายทวงคืนผืนป่าของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วิพากษ์นโยบายบีซีจี คาร์บอนเครดิตและการทำงานของนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ช่วงเย็นเปิดเวทีด้วยกลุ่มศิลปินวงสามัญชน ท่ามกลางฝนที่ตกลงมา มวลชนกระจายกันหลบฝนอยู่ตามเต็นท์

เผาพริกเกลือสาปแช่งเผด็จการ

จากนั้นเวลา 17.40 น. เวทีราษฎรหยุดเอเปก 2022 ที่ลานคนเมือง คึกคักขึ้นเมื่อมีการจัดกิจกรรมรำลึก 48 ปี สหพันธ์ชาวนาชาวไร่แห่งประเทศไทย ที่เคยออกมาต่อสู้เพื่อสิทธิด้านที่ดินและถูกอำนาจรัฐคุกคาม สำหรับไฮไลต์ของกิจกรรมนี้คือ พิธีกรรมเผาพริกเผาเกลือ เผาหุ่นฟาง พร้อมการตีกลองแบบล้านนา การโบกธงโดยกลุ่มเยาวชนจากภาคเหนือและอ่านบทกวีที่มีเนื้อหาสาปแช่งเผด็จการ ขอให้การเคลื่อนไหวของภาคประชาชนได้รับความสำเร็จ เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่กินได้และโค่นล้มเผด็จการทุกรูปแบบ ปิดท้ายด้วยการจุดพลุไฟ ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมชุมนุม

ด้านนายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการไอลอว์ ขึ้นเวทีกล่าวว่า ขณะนี้มีนักกิจกรรมได้รับคำเตือนจาก facebook ว่าถูกเทคโนโลยีบางชนิดกำลังเจาะเข้าข้อมูล facebook ส่วนตัว เท่าที่รวบรวมได้ขณะนี้มีจำนวนถึง 26 คน ถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ประชาชนจากภาครัฐในช่วงที่มีการประชุมเอเปก

“มายด์” เตือน ตร.อย่าให้นายกดขี่

น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ แกนนำกลุ่มราษฎรหยุดเอเปก 2022 กล่าวถึงความเคลื่อนไหวในวันที่ 18 พ.ย.ว่า มวลชนทั้งหมดจะเริ่มกิจกรรมกันตั้งแต่เวลา 07.30 น. คาดว่าเวลาประมาณ 08.00 น. จะเคลื่อนขบวนจากลานคนเมืองมุ่งหน้าศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ส่วนเรื่องเส้นทางที่จะใช้เคลื่อนขบวน จะพิจารณาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการเคลื่อนขบวนมวลชนครั้งนี้น่าจะถูกสกัดกั้นจากทางเจ้าหน้าที่เนื่องจากสังเกตว่าเริ่มวางกำลังตามบริเวณต่างๆ แต่จะพยายามใช้วิธีเจรจา เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง ยืนยันว่าจะเคลื่อนขบวนไปให้ใกล้กับศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์มากที่สุด การเคลื่อนขบวนครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำข้อเสนอของมวลชนและชาวบ้านทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาในพื้นที่ ปัญหาสิ่งแวดล้อมนำเสนอถึงรัฐบาลและผู้ร่วมประชุมเอเปก ส่วนความกังวลในการเคลื่อนขบวน เราได้มีการประเมินไว้ระดับหนึ่ง ฝากเตือนพี่น้องที่เป็นตำรวจชั้นผู้น้อยที่ถูกส่งมาเป็นแนวหน้าว่าขอให้ทุกท่านช่วยคิดถึงหลักการของประชาธิปไตยให้ดี อย่ายอมให้นายของท่านกดขี่และควรให้พวกเราได้ใช้สิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตยด้วย

ตำรวจแถลงภาพรวมการชุมนุม

พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ในฐานะโฆษกกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจรการประชุมเอเปก 2565 กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมเรียกร้องในช่วงการประชุมเอเปกว่า ในวันที่ 17 พ.ย. มีสถานการณ์การชุมนุม 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ 1 กลุ่มราษฎรหยุด Apec 2022 ที่ปักหลักพักค้างชุมนุม ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม. ยอดผู้ชุมนุมประมาณ 120 คน มีการชุมนุมค้างแรมและจัดปราศรัย ได้แจ้งการชุมนุมที่ สน.สำราญราษฎร์ ตั้งแต่วันที่ 16 -18 พ.ย. แต่มวลชนบางกลุ่มแยกไปทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ด้วยการติดป้ายข้อความบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปห้ามปรามตามหลักยุทธวิธี แต่มีการกระทบกระทั่งเล็กน้อยจนแยกย้ายกันไป จากนั้นกลุ่มได้กระจายตามสถานที่ต่างๆ 5 จุด และยุติกิจกรรมเมื่อเวลา 12.45 น.

แยกอโศกวุ่นวายผิดหลายข้อหา

พล.ต.ต.อาชยนกล่าวต่อว่า กลุ่มที่ 2 กลุ่มราษฎร 63 บริเวณแยกอโศกมนตรี ยอดผู้ชุมนุมประมาณ 30 คน มีการชูป้าย แต่งกายชุดไดโนเสาร์ และรวมกลุ่มทำกิจกรรมบริเวณแยกอโศกตั้งแต่เวลาประมาณ 11.30 น. และยุติการชุมนุมเวลาประมาณ 14.30 น. มีบางช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปขอความร่วมมือกับกลุ่มผู้ชุมนุมและเกิดการโต้เถียงกระทบกระทั่งกัน ตามที่ปรากฏตามข่าว แต่ไม่ได้มีความรุนแรง ทุกอย่างดำเนินการตามหลักยุทธวิธี หลักความได้สัดส่วน เน้นการเจรจาต่อรอง พูดคุยทำความเข้าใจเป็นหลัก ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมบางคนได้สาดสี พ่นสีสเปรย์ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาความปลอดภัย มีการขว้างปา ทำร้ายทรัพย์สิน และขีดเขียนบนถนนทางสาธารณะที่ใช้สัญจร อีกทั้งการชุมนุมก็มิได้แจ้งการชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน คลิปที่เกิดเหตุ เพื่อสืบสวนสอบสวน ดำเนินคดีความผิดที่เกิดขึ้น ในความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2552 พ.ร.บ. รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 และความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ป.อาญา

“บิ๊กเด่น”ตัดชุดใหม่ให้ลูกน้อง

ต่อมาเวลา 15.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เดินทางไปประชุมติดตามสถานการณ์การชุมนุม ได้รับทราบว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนสาดสีใส่เครื่องแบบของตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ ผบ.ตร.ได้สั่งให้ตัดเครื่องแบบใหม่ให้ตำรวจทันทีและได้กล่าวชมเชย ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกนาย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ทั้งนี้ มีรายงานว่า กรณีที่สื่อสังคมออนไลน์วิพากษ์ วิจารณ์ตำรวจชุดปฏิบัติหน้าที่อารักขาบุคคลสำคัญที่มาปฏิบัติภารกิจรักษาความปลอดภัยในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก นั่งรับประทานอาหารกล่องกับพื้นในแง่มุมต่างๆรวมทั้งสวัสดิการต่างๆของตำรวจนั้น ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งข้อมูลอาหารที่สนับสนุนตำรวจไม่มีคุณภาพเท่าที่ควร ทาง กอ.ร่วมฯ จึงได้เร่งประสานงานกับกองอำนวยการร่วมทุกหน่วยเพื่อปรับปรุงคุณภาพอาหารทันที ทำให้ได้รับการตอบรับจากตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ดีขึ้น มีขวัญกำลังใจที่ดีตามมา

ป.ป.ช.จ่อฟันทุจริตมันเส้น รบ. “มาร์ค”

ผู้สื่อข่าวรายงานจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถึงความคืบหน้าการไต่สวนโครงการขายมันสำปะหลังแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและโครงการขายมันเส้นแบบจีทูจี สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีปัญหาไม่โปร่งใส ป.ป.ช.ดำเนินการชั้นไต่สวนเสร็จแล้ว เตรียมส่งเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณา โครงการขาย มันสำปะหลังแบบจีทูจี สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มีผู้ถูกกล่าวหา 46 ราย เป็น ครม.ขณะนั้น 32 รายและคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง 14 ราย มีพฤติการณ์ซื้อขายแป้งมันสำปะหลังในยุคนางพรทิวา นาคาศัย เป็น รมว.พาณิชย์ ระหว่างกรมการค้าต่างประเทศกับบริษัท China Marine ราคาต่ำกว่าเกณฑ์ที่ ครม.กำหนด และบริษัท China Marine ไม่ได้รับมอบอำนาจจากประเทศจีน วัตถุประสงค์ไม่ใช่ซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร จึงไม่ใช่บริษัทที่มีอำนาจลงนามทำสัญญาในนามประเทศจีน

"อนุทิน" เฉ่งพรรคร่วม ป่วนขวางกัญชา "สาธิต" ชี้ "ประชาธิปัตย์ "เรตติ้งตก (คลิป)

“ไตรรงค์–พีระพันธุ์” ระทึกชื่อพัวพัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่ออดีต ครม.สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ 32 คนที่ถูกกล่าวหา ได้แก่ 1.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ 2.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ 3.นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกฯ 4.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ 5.นายวีระชัย วีระเมธีกุล อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ 6.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต รมว.กลาโหม 7.นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง 8.นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีต รมช.คลัง 9.นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ อดีต รมช.คลัง 10.นายอิสสระ สมชัย อดีต รมว.การพัฒนาสังคมฯ 11.นายธีระ วงศ์สมุทร อดีต รมว.เกษตรฯ 12.นายศุภชัย โพธิ์สุ อดีต รมช.เกษตรฯ 13.นายโสภณ ซารัมย์ อดีต รมว.คมนาคม 14.นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร อดีต รมช.คมนาคม 15.นายสุวิทย์ คุณกิตติ อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ 16.ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี อดีต รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 17.นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร อดีต รมช.คมนาคม 18.นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล อดีต รมว.พลังงาน 19.นางพรทิวา นาคาศัย อดีต รมว.พาณิชย์ 20.นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีต รมช.พาณิชย์ 21.นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีต รมว.มหาดไทย 22.นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีต รมช.มหาดไทย 23.นายถาวร เสนเนียม อดีต รมช.มหาดไทย 24.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีต รมว.ยุติธรรม

“จุรินทร์–ชินวรณ์” ติดบ่วงอยู่ในข่าย

25.นายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีต รมว.แรงงาน 26.นายธีระ สลักเพชร อดีต รมว.วัฒนธรรม 27.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีต รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 28.นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีต รมว.ศึกษาธิการ 29.นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ 30. น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ 31.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีต รมว.สาธารณสุข 32.นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ อดีต รมช.สาธารณสุข ส่วนคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง 14 รายขณะนั้น อาทิ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ

“บุญทรง” โดนอีกคดีมันเส้น รบ. “ปู”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่คดีซื้อขายมันเส้นจีทูจีรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีชื่อผู้ถูกกล่าวหา 31 รายที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ความเห็นชอบการลงนามในสัญญา อาทิ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ พ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นางปราณี ศิริพันธ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ตลอดจนบริษัทเอกชนของจีน มีพฤติการณ์ตามสำนวนไต่สวน ป.ป.ช.ระบุว่า สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำสัญญาซื้อขายมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 7 สัญญา รวม 4,790,000 ตัน วงเงิน 30,642 ล้านบาท บริษัทที่ทำสัญญาซื้อขายกับกรมการค้าต่างประเทศ ไม่ใช่บริษัทที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลจีนให้มาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ แต่เซ็นสัญญาเพื่อเอื้อประโยชน์ช่วยเหลือบริษัทเอกชนได้ทำสัญญากับหน่วยงานรัฐ หลีกเลี่ยงไม่ให้แข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช. มีสิทธิต่อสู้คดีอีกในชั้นอัยการและชั้นศาล จึงถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำพิพากษาศาลอันถึงที่สุด