อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของจีนเติบโตมาก จนกำลังจะครองส่วนแบ่งตลาดในโลกนี้เกือบครึ่ง และช่วงนี้นับเป็นช่วงเวลาที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19
ข้อมูลจากบริษัทวิจัยเกี่ยวกับหุ่นยนต์ (Robotics Research Group) ที่เปิดเผยในงานการประชุมหุ่นยนต์โลก (World Robot Conference 2021) คาดการณ์ว่า จีนจะสามารถทำตลาดขายหุ่นยนต์ได้ถึง 45% ของความต้องการหุ่นยนต์ในโลกในปีนี้ มากกว่าปี 2562 ที่มีส่วนแบ่งตลาดโลก เพียง 39% ซึ่งเป้าหมายที่เพิ่มขึ้นนี้ เป็นไปตามการประกาศของรัฐบาลจีน ที่ต้องการให้โลกรับรู้เกี่ยวกับนโยบายวาระแห่งชาติของจีน ว่าด้วยแผนของในโลกที่ผลิตจากจีน (Made in China 2025 strategic Plan)
หากย้อนไปสถิติของปี 2562 ที่ผ่านมา มีสำนักข่าวที่รายงานความเคลื่อนไหวในแวดวงหุ่นยนต์ (Robotics and Automation News) ได้รวบรวมข้อมูล พบว่าจีนสามารถผลิตหุ่นยนต์ออกมาขายได้มากเป็นอันดับ 1 จำนวนถึง 1 ใน 3 ของโลก หรือจำนวน 140,500 หน่วย จากทั้งหมด 381,000 หน่วย อันดับ 2 คือญี่ปุ่น จำนวน 49,900 หน่วย ตามด้วยสหรัฐอเมริกา เป็นอันดับ 3 จำนวน 33,300 หน่วย ส่วนประเทศไทยอยู่อันดับที่ 13 จำนวน 2,900 หน่วย
นี่คือจังหวะของจีนที่เติบโตในอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ช่วงโควิด-19 ระบาดหนัก และอุตสาหกรรมนี้ในหลายประเทศชะงัก เพราะต้องสู้รบกับเชื้อโรคเป็นหลัก โดยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนไม่ยอมหยุดนิ่ง เช่น บริษัทสตาร์ทอัพอย่าง Padu Technology ที่เปิดตัวหุ่นยนต์ช่วยส่งจ่ายยาและอาหาร เพื่อลดการสัมผัสระวังคน ยังมีกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ของ Alibaba ที่ให้บริการส่งยา ช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนักที่เมืองอู่ฮั่น กลุ่ม Tencent พัฒนาระบบติดตามผู้ติดเชื้อ เพื่อป้องกันการระบาด เป็นต้น