วันที่ 11 ต.ค. 64 ที่ผ่านมา ช่วงกลางดึกประมาณ 02.00 น. เกิดเหตุคนร้ายบุกเข้าฟันชายวัย 57 ปี ทราบชื่อนายเลข รับงาน จนเสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดในบ้านท่าเจริญ ต.บ้านร้อง อ.งาว จ.ลำปาง ซึ่งเป็นบ้านของผู้ตาย
เบื้องต้นจากการชันสูตรพบเสียชีวิตในลักษณะนอนห่มผ้า คว่ำหน้า อยู่ที่มุมของบ้าน หน้าห้องนอน มีร่องรอยโดนฟันด้วยของมีคมเข้าที่บริเวณศีรษะด้านขวาเป็นแผลฉกรรจ์ลึกประมาณ 2 ซม. จำนวน 2 แผล และบริการลำคอด้านขวาเป็นแผลฉกรรจ์ลึกประมาณ 3 ซม. จำนวน 3 แผล
ทีมข่าวจึงเดินทางเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ พบว่าเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว มีใต้ถุนสูงประมาณ 50 ซม. บริเวณพื้นไม้ในบ้านและเสาบ้านหน้าห้องนอนมีคราบเลือดสาดกระจายอยู่หลายจุด ส่วนด้านในห้องนอนเป็นฟูกขนาด 3.5 ฟุต ปูกับพื้น ไม่มีเตียง ข้าง ๆ เป็นที่เก็บเสื้อผ้าของทั้งคู่
นางเย็น ภรรยาผู้ตาย ผู้พิการเป็นใบ้ หูหนวก อยู่ในภาวะตกใจ มีอาการคล้ายคนผวาสติหลุด พยายามบอกเล่าเรื่องราวให้ทีมข่าวฟังอยู่ตลอด ผ่านล่าม ซึ่งนายศรีจันทร์ ปัญญาดี อายุ 55 ปี เป็นพี่ชายของนางเย็น แปลให้ฟังว่า ตอนเกิดเหตุเวลาประมาณ 02.00 น. นางเย็นกำลังนอนหลับอยู่ในห้องนอน โดยไม่ได้ปิดประตู ส่วนนายเลขนอนหลับ ห่มผ้าอยู่หน้าห้องนอนหรือตรงจุดพบศพ แล้วก็มีคนร้าย 2 คน ขึ้นมาบนบ้าน ซึ่งที่นางเย็นรู้ เพราะนอนบนพื้นบ้านไม้จึงกระเพื่อมเหมือนมีคนเหยียบ จึงทำให้สะดุ้งตื่น
ปรากฏว่าภาพที่เห็นคือผู้ชาย 2 คนกำลังใช้มีดไม่ทราบชนิดยาวประมาณ 1 ฟุต กระหน่ำฟันนายเลข 5 ครั้ง จนเสียชีวิตคาที่ ซึ่งตอนนั้นนางเย็นแอบอยู่ในห้องนอนด้วยความหวาดกลัว ทำได้แค่เอียงคอออกมาเพื่อมองสามีโดนฟันต่อหน้าต่อตา เพราะไม่มีอาวุธต่อสู้ ก่อนที่จะเห็นคนร้ายทั้ง 2 คนวิ่งลงจากบ้าน แล้วขับรถมอเตอร์ไซค์หนีไป
จากนั้น นางเย็นที่อยู่ในความตกใจก็รีบเดินวิ่งมาบอกตน ซึ่งบ้านอยู่ห่างไปประมาณ 300 เมตร เพื่อให้พาไปแจ้งกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จึงมีการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินตรวจสอบจุดเกิดเหตุและชี้เบาะแสคนร้าย ปกติแล้วนายเลขกับภรรยาจะทำอาชีพรับจ้างเก็บข้าวโพด และออกไปหาหน่อไม้ตามป่ามากินหรือขาย เพราะเขาเป็นคนดี ขยันทำงาน ไม่เคยมีเรื่องชู้สาว แต่ก็ยอมรับว่า นายเลขชอบกินเหล้าบ่อย
ส่วนตัวจึงเชื่อว่าก่อนที่นายเลขจะกลับมานอน น่าจะแอบไปดื่มเหล้ากับเพื่อนฝูงในหมู่บ้าน แต่นางเย็นไม่รู้ เพราะหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าคนที่นายเลขไปกินเหล้าด้วยจะเป็นคนที่มาทำร้ายเขาหรือไม่ เบื้องต้นที่ตนได้เบาะแสจากตำรวจ สภ.งาว จ.ลำปาง ว่าสามารถจับคนร้ายได้แล้ว เป็นเด็กชายอายุแค่ 14 ปี ตนก็สันนิษฐานว่าน่าจะเป็น ด.ช.กัน (นามสมมติ) ซึ่งมีบ้านอยู่ห่างจากบ้านผู้ตายประมาณ 100 เมตร เด็กคนนี้เป็นเด็กก้าวร้าว ดื้อ ดุ เสพยาบ้า ไม่ค่อยเคารพผู้ใหญ่ ไม่ยอมคน หากไม่พอใจใครก็จะชี้หน้าด่าทันที แต่ไม่เคยทำร้ายใคร และยังไม่เคยโดนจับ
นอกจากนี้ ช่วงประมาณต้นเดือน ด.ช.กัน เดินเข้ามาที่บ้านของนายเลข แล้วทำท่าจะสวมรองเท้าของนายเลข ตนซึ่งอยู่ในบริเวณนั้นก็บอกไปว่า “อันนี้ของเลขนะ ไปใส่ของมันเดี๋ยวมันเตะเอานะ” ด.ช.กัน ก็ตอบมาว่า “กูไม่กลัวหรอกไอเลข พ่อกูกูยังเตะมาแล้วเลย” ตนจึงคาดว่าคืนเกิดเหตุ นายเลขน่าจะไปกินเหล้ากับ ด.ช.กัน แล้วมีปัญหากัน จึงตามมาก่อเหตุที่บ้านของผู้ตาย ส่วนกับที่นางเย็นบอกว่าเห็นผู้ก่อเหตุ 2 คนนั้น ตนก็คิดว่าคงเป็นเพื่อนของ ด.ช.กัน ที่อยู่ต่างหมู่บ้าน
หลังจากนั้น นางเย็น ได้เดินเข้าไปจุดธูปไหว้ศพสามี ด้วยสีหน้าท่าทางที่ยังคงเสียใจ ทำตัวไม่ถูกกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ มีการเชิญตัว ด.ช.กัน (นามสมมติ) ผู้ก่อเหตุเข้ามาสอบถามต่อหน้าผู้ปกครองที่ สภ.งวง จ.ลำปาง ผู้ก่อเหตุยอมรับว่าเป็นคนลงมือฆ่าเอง แต่ทำแค่คนเดียว เนื่องจากมีปัญหาบาดหมางเรื่องส่วนตัวกับผู้ตายมาก่อน จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว
ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านของผู้ก่อเหตุ แต่พบว่าไม่มีคนอยู่ จึงเดินทางไปบ้านของ นางใจ (นามสมมติ) ยายของผู้ก่อเหตุ บอกว่า จริง ๆ แล้วหลานเป็นเด็กร่าเริง ขยันทำงาน แข็งแรง ทุกวันมักจะออกไปรับจ้างเก็บข้าวโพดตลอด แต่เขาจะชอบกินเบียร์กับพ่อเขาและเพื่อนของพ่อเขาอยู่บ้าง วันละ 1-2 กระป๋อง
ตนยืนยันว่าหลานไม่ใช่เด็กก้าวร้าว ไม่เคยเห็นว่าพกปืนผาหน้าไม้ และไม่เคยมีปัญหาทะเลาะกับคนอื่นด้วย กลับกันคือชาวบ้านมักจะชื่นชมหลานอยู่บ่อย ๆ เพราะหลานขยัน ชอบช่วยเหลือคนอื่น บางครั้งชาวบ้านก็จะให้เงินค่าตอบแทนมาครั้งละ 100-200 บาท
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างหลานกับนายเลข ตนไม่รู้ ไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไรกันในอดีตด้วย ดังนั้นกับสาเหตุที่หลานไปฆ่านายเลขนั้น ตนก็ตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร ยอมรับว่าตอนนี้ได้แต่บอกตัวเองว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง ยังไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ แต่ถ้าหากหลานชายไปฆ่าคนจริง ตนก็ตกใจ และอยากจะขอโทษครอบครัวคนตายแทนหลานด้วย
ส่วนของคืบหน้าทางคดี เบื้องต้น พ.ต.ท.วรพิมพ์ อ่อนกัน สว.(สอบสวน) สภ.งาว จ.ลำปาง ให้ข้อมูลว่า วันที่ 12 ต.ค. 64 เวลาประมาณ 13.00 น. จะนำตัวผู้ก่อเหตุไปแจ้งข้อกล่าวหา และสอบปากคำต่อหน้าสหวิชาชีพ ที่สำนักงานอัยการ จ.ลำปาง และนำตัวไปที่ศาลเยาวชนและครอบครัว จ.ลำปาง เพื่อทำการไต่สวนต่อไป