เด็กสาววัย 15 ถูกน้าเขยข่มขืนข้ามปี บังคับเสพยาบ้า โป๊ะแตกเพราะเมียโทรตาม เสียงมือถือดังมาจากในห้องหลาน
22 พ.ย.64 ที่ผ่านมา เมื่อเวลา 15.00 น. นางสาววิรันตรี อายุ 36 ปี อยู่ ต.เชียงคาน อ.เชียงคาน จ.เลย ร้องต่อสื่อว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ย.64 เวลา 5 ทุ่ม นางสาวฟ้า (นามสมมุติ) ลูกสาววัย 15 ปี ถูกนายมงคล อายุ 58 ปี น้าเขยเข้าย่องเข้าข่มขืนลูกสาว แจ้งความตำรวจ สภ.เชียงคาน กลัวคดีไม่คืบหน้า เกรงผู้ก่อเหตุตามมาฆ่า ร้องสื่อให้ช่วย
นางสาววิรันตรี สุพรรณคำ เล่าว่า เมื่อคืนวันที่ 19 พ.ย.64 เวลา 22.00 น. ตนเองไปงานวันเกิดเพื่อนกลับมาที่บ้าน เห็นประตูห้องลูกสาวเปิดอยู่ ด้วยความสงสัยเข้าไปดู เห็นลูกสาวอยู่ในห้อง และมีโทรศัพท์ตกอยู่ 1 เครื่อง และมีสายเข้ามา จึงรับสาย พบว่าเป็นนางอ้อม อายุ 30 ปี น้องสาว โทรมาหานายมงคลซึ่งเป็นสามี และเห็นนายมงคลแอบซ่อนตัวอยู่ที่ราวตากผ้า จากนั้นก็วิ่งหนีออกจากห้องไปทางหลังบ้าน จึงได้สอบถามลูกสาวแต่ลูกสาวไม่ยอมบอก และเห็นที่นอนมีคราบอสุจิ จึงได้แค้นลูกสาวจนรับสารภาพว่า นายมงคล น้าเขย เข้ามาข่มขืนลูกสาวนานกว่าปีแล้ว และครั้งสุดท้ายบังคับให้เสพยาบ้าด้วย ตั้งที่มีบ้านอยู่ห่างกันเพียง 10 เมตร จึงพาลูกสาวเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ภาณุพงษ์ นามคุณ พงส.สภ.เชียงคาน แต่กลัวคดีไม่คืบหน้า จึงได้ร้องสื่อให้ช่วย
นางสาวฟ้า (นามสมมุติ) เล่าว่า ได้ถูกน้าเขยเข้ามาข่มขืนตอนแม่ไม่อยู่ ตลอดเวลากว่า 1 ปี และทุกครั้งก็ขู่ว่าไปบอกใครจะฆ่าให้ตาย จึงกลัวไม่กล้าบอกใคร จนครั้งสุดท้ายเมื่อกลางดึกวันที่ 19 พ.ย.64 น้าเขยก็เข้ามาข่มขืนและขู่ฆ่า และบังคับให้เสพยาบ้าใส่ในฟอยล์แล้วเอาเทียนลนสูดยาบ้าเข้าไป 5 เม็ด จนที่บ้านมาทราบเรื่อง จึงบอกความจริง ตอนนี้รู้สึกกลัวมาก เพราะน้าเขยยังไม่โดนตำรวจจับกุมตัว ตนเองและแม่ต้องไปอาศัยบ้านญาติที่อยู่ห่างจากบ้านร่วม 10 กม. เพื่อความปลอดภัย
ส่วนนางอ้อม ภรรยาน้าเขย ที่มีบ้านอยู่ติดกัน เล่าว่า ตนเองเพิ่งทราบความจริง ว่าสามีเข้าไปข่มขืนหลานสาว เพราะวันที่เกิดเหตุ สามีบอกว่าจะไปกินเหล้าที่บ้านเพื่อน จึงโทรเข้าเครื่องมือถือ แต่เสียงดังมาจากห้องนอนของหลานสาว ถามสามีว่าไปทำอะไรก็ไม่บอก จึงเข้าไปในบ้านดูไม่พบสามี แต่พบหลานสาวอยู่ในห้องน้ำ จนสามีมารับสารภาพว่าเข้าไปข่มขืนและให้เสพยาบ้า ซึ้งตอนนี้สามีไปอาศัยอยู่บ้านญาติ จะกลับมาต่อเมื่อ พงสเรียกตัว ก้ต้องปล่อยไปตามกฎหมาย
พ.ต.ท.คณพศ ภูคงน้ำ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เชียงคาน เปิดเผยว่า คดีดังกล่าว พงส.อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน และรอทีมสหวิชาชีพมาสอบปากคำเด็ก และรอผลการตรวจร่างกายของโรงพยาบาล จากนั้นก็จะเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา ถ้าไม่มาจะออกหมายจับ คดีนี้ทาง พงส.เร่งรัดทำคดีให้อยู่ ไม่นิ่งนอนใจ และให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย