“ชูวิทย์” ยัน ไม่รู้จัก ไม่เคยรับเคลียร์ “นายพล จ.” พร้อมเปิดตัวละครใหม่ “ดาบศร” แย้ม ชีวิตหรูหรา ครอบครองรถตู้หรู 3 คัน มีรีสอร์ทหลายแห่ง เชื่อ เป็นหน้าเสื่อ นายพล จ. พร้อมปัดลูกชายเอี่ยว สว.ซัว มาเก๊า 888
เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองคนดัง เปิดเผยถึงกรณีของตำรวจยศนายพล อักษรย่อ จ. ว่า ภายหลังที่ได้ให้ข้อมูลพาดพิงว่าตำรวจนายดังกล่าวมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับกลุ่มเว็บพนันโดยเฉพาะกลุ่มของสารวัตรซัว นั้น อีกทั้งนายพล จ. มีการกล่าวอ้างว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับตน ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ไม่เคยได้รับโทรศัพท์จากนายพล จ. และไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัว แต่ได้รับรายงานจากเลขาฯ ส่วนตัวว่า นายพล จ. ได้โทรศัพท์มาและกล่าวผ่านเลขาฯ ของตนว่า “ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสารวัตรซัว”
นายชูวิทย์ ยืนยันด้วยว่า ตนจะเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับ นายพล จ. กับจเรตำรวจชุดที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. แต่งตั้งขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมระบุชื่อเรียกว่า “ดาบศร” ว่า เป็นนายดาบที่มีการใช้ชีวิตหรูหรา มีฐานะร่ำรวย มีรถตู้หรูถึง 3 คัน รีสอร์ทอีกหลายแห่ง จึงตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเป็นผู้ที่ทำหน้าที่เป็นหน้าเสื่อให้กับนายพล จ. ส่วนความสัมพันธ์ของนายพล จ. กับสารวัตรซัวนั้น ทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันมานาน เริ่มจากความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องของโรงเรียน ตลอดจนการทำธุรกิจสีเทา
ต่อข้อถามกระแสข่าวที่กล่าวพาดพิงว่า ลูกชายมีหุ้นส่วนทำธุรกิจสีเทากับสารวัตรซัวนั้น นายชูวิทย์ ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ถ้าหากตรวจสอบพบว่า ลูกชายหรือแม้แต่คนใดในครอบครัวตนไปเกี่ยวข้อง ขอให้ธุรกิจล่มจมทั้งหมด ขณะเดียวกันตนยังยินดีเข้าให้ข้อมูลเรื่องสารวัตรซัว กับคณะทำงานของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แต่ส่วนตัวมองว่า เป็นการทำงานที่ล่าช้าเพราะสารวัตรซัว มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเพียงแค่ 3 นาที ก็สามารถโยกย้ายถ่ายโอนข้อมูลทุกอย่างได้
นายชูวิทย์ ระบุอีกว่า ส่วนการทำธุรกิจสีเทาของสารวัตรซัว จะเกี่ยวข้องกับ มาเก๊า 888 หรือไม่นั้น ตนมองว่าเป็นคนละกลุ่มก๊วนกัน แต่ธุรกิจมีความใกล้เคียงกันน่าจะรู้จักกันเป็นธรรมดา
ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ยังกล่าวถึงภาพถ่ายที่เพจเฟซบุ๊กชื่อ “เหยื่อ” โพสต์เผยแพร่พร้อมระบุข้อมูลว่า เป็นกลุ่มเจ้าของเว็บพนันออนไลน์และมีตำรวจยศนายพลยืนตรงกลางภาพ ว่า นายพลคนดังกล่าวน่าจะเกี่ยวข้องในลักษณะดูแลและอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจของกลุ่มคนในภาพ