กระทรวงสาธารณสุขเร่งตีปี๊บชวนคนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 หลังพบยอดเริ่มชะลอตัว โดยฉีดเข็มสองได้แล้วร้อยละ 50.4 ของประชากร แนะจัดสารพัดกิจกรรมจูงใจให้คนมาฉีด ขณะที่โฆษก รบ.โว นายกฯปลื้มจัดหาวัคซีนได้เกินเป้า ถึงปลายปีมี 155.6 ล้านโดส พร้อมให้จัดสรรวัคซีนให้คนกลุ่มที่ไม่ใช่สัญชาติไทย ขณะเดียวกันยังพบคลัสเตอร์ใหม่ผุดเพียบจากกลุ่มเดิม “งานศพ-งานบุญ-งานเลี้ยง” รวมถึงกลุ่มดูบั้งไฟ ด้านอธิบดีกรมการจัดหางานชี้ 12 วันตีทะเบียนแรงงานเถื่อนในไทยกว่า 3.3 หมื่นคน เกินครึ่งเป็นชาวเมียนมา คาดถึงสิ้น พ.ย.มียอดแรงงานต่างด้าวถึง 2 แสนคน โดย 1 ใน 4 หรือ 5 หมื่นคนอยู่ในสมุทรสาคร
รัฐบาลยังคงเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 หวังให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ให้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโรงเรียนส่วนใหญ่จะต้องเปิดเรียนตามปกติในวันที่ 15 พ.ย.นี้ รวมถึงมีการทะลักเข้ามาของแรงงานต่างด้าวจำนวนมากทุกวัน ขณะที่ยังพบผู้ติดเชื้อทรงตัวที่ 7 พันคน
ป่วยใหม่ 7,057 ดับ 55 ศพ
เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.รายงานสถานการณ์ในประเทศ ไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,057 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ 6,844 คน มาจากเรือนจำ 198 คน เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 15 คน โดยมาจากประเทศรัสเซีย 2 คน อยู่ในโครงการแซนด์บ็อกซ์ ชลบุรีและแซนด์บ็อกซ์ ภูเก็ต แห่งละ 1 คน จากมาเลเซีย 1 คน อยู่ในโครงการ Test&Go ชลบุรี จากเยอรมนี 1 คน อยู่ในโครงการ Test&Go สมุทรปราการ จากโปแลนด์ 1 คน อยู่ในโครงการ Test&Go กทม.จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 คน จากสิงคโปร์ 1 คน และจากกัมพูชา 7 คน เข้ามาช่องทางธรรมชาติ ขณะที่ผู้ป่วยรักษาหายเพิ่มขึ้น 7,393 คน อยู่ระหว่างรักษา 95,413 คน อาการหนัก 1,818 คน ใส่เครื่องช่วยหายใจ 430 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,011,331 คน มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,895,929 คน ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 55 คนเป็นชาย 27 คน หญิง 28 คน เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 44 คน มีโรคเรื้อรัง 10 คน พบผู้เสียชีวิตมากสุดอยู่ใน กทม.7 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 19,989 คน
มาไทย 3.95 หมื่น ติดเชื้อ 46 คน
สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ กทม. 667 คน สงขลา 463 คน เชียงใหม่ 455 คน ปัตตานี 377 คน นครศรีธรรมราช 346 คน สมุทรปราการ 251 คน สุราษฎร์ธานี 245 คน ยะลา 213 คน ชลบุรี 189 คน นราธิวาส 186 คน ขณะที่ จ.อุทัยธานี ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1-12 พ.ย.2564 ผ่านทางท่าอากาศยานต่างๆรวม 39,519 คน เป็นผู้ติดเชื้อโควิด 46 คน คิดเป็นร้อยละ 0.12 แยกประเทศต้นทาง 1.ไนจีเรีย ผู้เดินทาง 21 คน ผู้ติดเชื้อ 2 คน 2.ศรีลังกา ผู้เดินทาง 54 คน ติดเชื้อ 1 คน 3.ตุรกี ผู้เดินทาง 55 คน ติดเชื้อ 1 คน 4.รัสเซีย เดินทางมา 1,385 คน ติดเชื้อ 9 คน 5.ยูเออี เดินทางมา 916 คน ติดเชื้อ 5 คน 6.กาตาร์ เดินทางมา 411 คน ติดเชื้อ 2 คน 7.โปแลนด์ เดินทางมา 240 คน ติดเชื้อ 1 คน 8.สหราชอาณาจักร เดินทางมา 2,142 คน ติดเชื้อ 7 คน 9.อิตาลี เดินทางมา 408 คน ติดเชื้อ 1 คน 10.เบลเยียม 494 คน ติดเชื้อ 1 คน และ 11.อื่นๆ เดินทางมา 33,393 คน ติดเชื้อ 16 คน
ฉีดเข็มสองได้ร้อยละ 50.4
ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่ 12 พ.ย.มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 773,944 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.ทั้งสิ้น 84,094,565 โดส แยกเป็นเข็มแรก 45,069,302 คน คิดเป็นร้อยละ 62.6 ของประชากร เข็มที่สอง 36,281,904 คน คิดเป็นร้อยละ 50.4 ของประชากร และเข็มสาม 2,743,359 คน คิดเป็นร้อยละ 3.8 ของประชากร
เดินหน้า Factory Sandbox ระยะ 2
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงแนวนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลังรัฐบาลเปิดประเทศว่าภาพรวมเป็นไปได้อย่างดี ส่วนภาคแรงงาน นายกฯ ให้แนวทางเดินหน้าโครงการ Factory Sandbox ระยะที่ 2 เน้นการดำเนินการตามมาตรการตรวจ ควบคุม รักษา ดูแล โดยขยายกรอบขอบเขตจังหวัด จากเดิมดำเนินการใน 4 จังหวัด เพิ่มเป็น 11 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ อีกทั้งปรับลดหลักเกณฑ์ขนาดสถานประกอบการจากเดิมกำหนด 500 คนขึ้นไปเป็น 100 คนขึ้นไป
ปลื้มปลายปีมีวัคซีนเกินเป้า
นายธนกรกล่าวอีกว่า หลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ เมื่อวันที่ 12 พ.ย. กระทรวงแรงงานจะเปิดให้มีการนำเข้าแรงงานตาม MOU ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คาดว่าหลังวันที่ 30 พ.ย.นายจ้างสามารถยื่นความต้องการจ้างแรงงานที่กรมการจัดหางานได้เลย โดยแรงงานต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาต้องเข้ารับการกักตัวและตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ นายกฯยังพอใจที่จัดหาวัคซีนได้เกินเป้าหมาย ปลายปีนี้ไทยจะมีวัคซีนรวมทั้งหมด 155.6 ล้านโดส นายกฯเห็นชอบให้จัดสรรให้กลุ่มอื่นๆที่ไม่ใช่สัญชาติไทยทั้งหมด รับการฉีดวัคซีน ได้ตามความสมัครใจ โดยให้บริหารจัดการฉีดให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่
12 วันตีทะเบียนแรงงานเถื่อนอื้อ
วันเดียวกัน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงผลการดำเนินการคนต่างด้าว 3 สัญชาติ ที่อยู่ในราช อาณาจักร และทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมติ ครม. 28 ก.ย.2564 ว่าข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1-12 พ.ย. 2564 คณะทำงานได้ตรวจสอบสถานประกอบการ สถานที่ทำงาน มีการถ่ายรูปบันทึกข้อมูลแรงงานต่างด้าว ผิดกฎหมายแล้วจำนวน 33,384 คน เป็นสัญชาติเมียนมา 24,245 คน กัมพูชา 6,927 คน และลาว 2,212 คน สถานประกอบการและนายจ้างสามารถ แจ้งรายชื่อแรงงานต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตได้จนถึงวันที่ 30 พ.ย.ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดหรือเขตพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ คาดว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 2 แสนคนตามเป้า ซึ่งจากข้อมูลใน จ.สมุทรสาคร จังหวัดเดียวมีประมาณ 5 หมื่นคน
คนมาฉีดวัคซีนเริ่มชะลอตัว
อีกด้านหนึ่งที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จำนวนผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเริ่มชะลอตัว เนื่องจากส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว เหลือเพียงกลุ่มที่รอวัคซีนทางเลือก หรือไม่ยอมฉีดจากเหตุผลส่วนตัวกว่า 10 ล้านคน หรือร้อยละ 17 และบางส่วนรับวัคซีนแล้วแต่ยังไม่ได้บันทึกข้อมูลในระบบ คณะผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญของกระทรวงสาธารณสุขจึงได้วางกลยุทธ์ เพื่อฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมมากที่สุด กำหนดเป้าหมายในเดือน พ.ย.2564 ภาพรวมต้องฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรร้อยละ 70 หรือ 100 ล้านโดส และมีอำเภอไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งฉีดวัคซีนถึงเป้าร้อยละ 70
จัดจูงใจให้คนมาฉีดวัคซีน
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้ออกแบบ วิธีการเพื่อให้การฉีดวัคซีนเป็นไปตามเป้าหมายได้แก่ จัดการฐานข้อมูล ค้นหาประชากรในพื้นที่และยังไม่ได้รับวัคซีนนำเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยอำเภอไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งต้องฉีดวัคซีนถึงเป้าร้อยละ 70 ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดประสานภาคส่วนต่างๆ เช่น ฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชมรม/สมาคม ภาคเอกชน นำประชาชนมาฉีดให้ได้มากที่สุด จุดฉีดวัคซีนต้องลงข้อมูลให้ครบถ้วนเป็นปัจจุบัน ขอความร่วมมือสื่อมวลชนทุกแขนงร่วมรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 จัดสัปดาห์ฉีดวัคซีนเนื่องในวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุข 27 พ.ย.-5 ธ.ค.2564 ขยายเป้าหมายฉีดวัคซีนในกลุ่มแรงงานต่างด้าว จัดทีมฉีดวัคซีนเชิงรุกและเพิ่มจุดฉีดวัคซีน เพิ่มจำนวน Covid Free Setting ในทุกจังหวัด กำหนดให้ทั้งพนักงานและลูกค้าต้องฉีดวัคซีนแล้ว ติดตามความก้าวหน้าการฉีดวัคซีนระดับจังหวัดทุกวัน ให้หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่จัดกิจกรรมจูงใจคนมาฉีด เช่น ให้รางวัลหรือร่วมกับภาคเอกชนลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคค่าโดยสาร ในผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว เป็นต้น
คาดยารักษาโควิดมาต้นปี 65
ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรม การแพทย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ได้ประชุมกับผู้แทนบริษัทไฟเซอร์ในประเด็นยาแพ็กซ์โลวิด เพื่อติดตามข้อมูลการศึกษาวิจัยการใช้ยา รวมถึงการจัดหายามาใช้รักษาผู้ป่วยโควิด- 19 ในประเทศไทย ทางบริษัทแจ้งราคายาที่จะขายให้กับประเทศไทยมาแล้ว แต่ขอไม่ให้เปิดเผยต่อสาธารณะ รวมทั้งได้ขอให้เราแจ้งประมาณการจำนวนปริมาณยาที่จะสั่งจอง ซึ่งได้บอกไปคร่าวๆแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยจำนวนยอดที่สั่งจองไปเช่นกัน ได้แจ้งบริษัทไปว่าเราอยากได้ยาโดยเร็วที่สุด ขอให้นำเข้ามาในไตรมาสแรกของปี 2565 บริษัทแจ้งว่าขณะนี้มีการสั่งจองเข้ามาค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงอยากให้เราแจ้งจำนวนจองไปก่อน ซึ่งแจ้งไปคร่าวๆ แล้ว แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ หลังจากนี้บริษัทไฟเซอร์จะกลับไปทำสัญญาการสั่งจองเบื้องต้นเพื่อนำกลับมาให้เราเซ็น คาดว่าน่าจะมีการเซ็นสัญญาจองปลายสัปดาห์หน้า ส่วนยาโมลนูพิราเวียร์ อยู่ระหว่างกรมบัญชีกลางพิจารณาระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง คาดสัปดาห์หน้าน่าจะได้เซ็นสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง และนำเข้ายาคงเป็นเดือน ม.ค.-ก.พ.2565
โมเดอร์นามาอีกปลาย พ.ย.นี้
องค์การเภสัชกรรมแจ้งความคืบหน้าวัคซีนโมเดอร์นาว่า หลังจากเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา มีการส่งมอบแล้ว 560,000 โดส และกระจายไปยังโรงพยาบาลเอกชน เพื่อฉีดให้กับประชาชนที่จ่ายเงินจอง ส่วนการนำเข้าลอตต่อไป ได้รับการชี้แจงดังนี้ บริษัทซิลลิคฯ ได้ประสานงานกับผู้ผลิตวัคซีนโมเดอร์นาจากแหล่งผลิตสหรัฐอเมริกาในการเตรียมความพร้อมนำเข้าวัคซีนจำนวน 1.4 ล้านโดส มายังประเทศไทยได้ประมาณปลาย พ.ย.2564 ส่วนการยื่นเอกสารขึ้นทะเบียนวัคซีนโมเดอร์นาจากแหล่งผลิตสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นแหล่งผลิตสนับสนุนเพิ่มเติมจากแหล่งผลิตเดิมที่ได้รับอนุญาตไปแล้วนั้น บริษัทซิลลิคฯและองค์การเภสัชกรรมได้ดำเนินงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อย่างใกล้ชิด และจะแจ้งความคืบหน้าให้สาธารณชนรับทราบต่อไป
กาฬสินธุ์เจอ 3 คลัสเตอร์รวด
สถานการณ์โรคโควิด-19 ทั่วประเทศส่วนใหญ่เริ่มคลี่คลาย เว้นบางจังหวัดในภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ที่มีคลัสเตอร์ใหม่มาต่อเนื่อง โดย จ. กาฬสินธุ์ มีการตั้งจุดตรวจคัดกรองประชาชนในพื้นที่เสี่ยงของ ต.บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ จากคลัสเตอร์งานศพบ้านบัวขาว ม.12 ที่ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อรวม 92 คน โดยรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน ออกบริการประชาชน 3 จุด คือบริเวณที่ว่าการอำเภอกุฉินารายณ์, บริเวณเทศบาลเมืองกุฉินารายณ์และสวนสาธารณะเกาะกลางอ่างเลิงซิว พร้อมเปิดวอล์กอินฉีดวัคซีน 3 สูตรให้กับประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ขณะที่ภาพรวมของจังหวัดเมื่อวันที่ 13 พ.ย. พบผู้ป่วยรายใหม่ 103 คน ในจำนวนนี้มาจากคลัสเตอร์งานศพใน ต.บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ ถึง 67 คน ตามด้วยคลัสเตอร์งานบุญกฐินสามัคคีวัดบ้านบึง อ.กมลาไสย 20 คน คลัสเตอร์งานขึ้นบ้านใหม่ในชุมชนหนองผ้าอ้อม อ.สมเด็จ 9 คน และ อ.สหัสขันธ์ 1 คน (มาร่วมงานขึ้นบ้านใหม่) ผู้ป่วยเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ใน อ.เมืองกาฬสินธุ์ 4 คน และพบเชื้อระหว่างกักตัว 2 คน ซึ่งคลัสเตอร์ทั้งสามอยู่ระหว่างสอบสวนโรค ทำให้คาดว่าอาจจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง
บึงกาฬลุ้นคลัสเตอร์ดูบั้งไฟ
ที่บริเวณภายในวัดสว่างอารมณ์ บ้านคลองเค็ม-นาล้อม ม.7 ต.หนองเลิง อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ นายกงพัฒน์ แกมนิล ผอ.รพ.สต.หนองเลิง นำ จนท.และ อสม.บ้านคลองเค็ม ออกตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงสูงครั้งที่ 2 ที่อยู่ระหว่างกักตัวมีทั้งผู้สูงอายุ ผู้ใหญ่ นักเรียน เด็กเล็ก จำนวน 70 คน โดยตรวจแบบสวอบ ซึ่งคลัสเตอร์นี้เกิดจากการไปดูบั้งไฟพญานาคแล้วนำเชื้อเข้ามาสู่หมู่บ้าน พบผู้ป่วยสะสมแล้ว 22 คน ส่วนที่จุดตรวจเฝ้าระวังโควิด-19 ปากทางเข้าบ้านโนนสมบูรณ์ และบ้านโนนอุดม ต.บัวตูม อ.โซ่พิสัย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคลัสเตอร์ นายกฤษฎา โพธิ์ชัย นายอำเภอโซ่พิสัย พร้อมด้วยเหล่ากาชาดอำเภอ นำน้ำดื่มมามอบให้ผู้ปกครองหมู่บ้านเพื่อนำไปมอบให้กับชาวบ้านที่กักตัว หลังผู้นำชุมชนใช้มาตรการปิดหมู่บ้านชั่วคราว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค เหตุพบผู้ป่วยสะสมแล้ว 22 คน
โคราชไร้ผู้ป่วยตายเพิ่ม
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ใน จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 123 คน แต่ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยมี อ.บัวลาย เพียงอำเภอเดียวที่ไม่พบผู้ป่วยมา 14 วัน ขณะเดียวกันมีผู้ต้องขังในเรือนจำ ติดเชื้อเพิ่ม 10 คน และยังต้องจับตา 6 คลัสเตอร์เดิม ควบคู่ไปกับการระดมฉีดวัคซีนของ รพ.มหาราชนครราชสีมา ทั้งเข็ม 1 เข็ม 2 และเข็ม 3 ทำให้ทั้งจังหวัดฉีดวัคซีนรวมแล้ว 2.88 ล้านโดส
พระมรณภาพหลังปักเข็มแรก
ที่ศาลาวัดสีมาวดีบ้านเป้า ม.5 ต.กำพี้ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม ชาวบ้านได้นำศพหลวงพ่อพิมพา ทับทิมใส อายุ 68 ปี รักษาการเจ้าอาวาส มาตั้งบำเพ็ญกุศล หลังฉีดวัคซีนซิโนแวค เข็มแรก เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา และในวันที่ 12 พ.ย. มีอาการเหนื่อยอ่อนเพลียลุกไม่ไหว หนาวสั่น พระลูกวัดโทร.แจ้งให้ทาง รพ.บรบือ มารับไปรักษา แต่อาการทรุด รพ.บรบือ ส่งต่อไปยัง รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น แต่ระหว่างทางหัวใจหยุดเต้น ทำให้ต้องปั๊มหัว ใจ แต่ไม่นานก็มรณภาพ แพทย์ลงความเห็นการเสียชีวิตว่าเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจขาดเลือด ภาวะหัวใจหยุดเต้น ด้าน น.ส.ภคพร ปัดไธสง อายุ 33 ปี หลานสาวหลวงพ่อพิมพา เปิดเผยว่าหลวงพ่อมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว เดินเหินคล่องแคล่ว ทั้งนี้ ชาวบ้านและญาติๆ คิดว่าต้องมาจากวัคซีนที่ไปฉีด ทำให้หลวงพ่อเสียชีวิต ตอนนี้เบื้องต้นคงตั้งศพหลวงพ่อที่ศาลาวัดแล้วสวดอภิธรรมไปก่อนจนกว่าสาธารณสุขจังหวัดจะเข้ามาคุยสาเหตุการมรณภาพของหลวงพ่อและถ้าเกิดจากวัคซีนจะเยียวยากันอย่างไร จึงจะฌาปนกิจศพ ขณะที่นายสำราญ ศรีคูณ ผู้ใหญ่บ้านเป้า ม.5 กล่าวว่า ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านคิดว่าการเสียชีวิตของหลวงพ่อพิมพา น่าจะเกิดจากการฉีดวัคซีนเพราะฉีดแล้วอีกวันหนึ่งก็มรณภาพ ส่วนตัวคิดว่าในการรณรงค์ให้ชาวบ้านไปฉีดในหมู่บ้านคงจะยากมากแล้ว เพราะคนที่ไม่ฉีดคิดว่าฉีดแล้วตายจะไปฉีดทำไม จึงอยากให้สาธารณสุขรีบเข้ามาชี้แจงและรีบทำความเข้าใจกับชาวบ้านโดยด่วน
ระยองเร่งฉีดวัคซีนต่างด้าว
ขณะเดียวกันที่สถานีบริการน้ำมันพีทีทีออโต้วัน เนินสำลี ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง นายแพทย์สุนทร เหรียญภูมิการกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชนที่เข้ามาฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตามโครงการ Covid Free Stop มีจุดฉีดวัคซีนที่ปั๊มน้ำมัน ในจังหวัดระยอง รวม 4 แห่ง ใน อ.เมืองระยอง อ.บ้านค่าย อ.แกลง และ อ.วังจันทร์ ซึ่งแต่ละจุดมีประชาชน และแรงงานต่างด้าวในพื้นที่มาฉีดวัคซีนจำนวนมาก ทั้งวอลล์กอิน และมีจุดจอดรับวัคซีนบนรถยนต์ หรือไดรฟ์ ทรู ทั้งนี้ นายสาธิตกล่าวว่าได้กำชับให้สาธารณสุขจังหวัดระยอง เร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทุกคน โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ให้ได้ร้อยละ 80 ภายใน พ.ย.นี้ พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการรายใหม่ในจังหวัดระยอง ช่วงนี้ขอให้ชะลอนำเข้าแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาใหม่ขอให้ฉีดวัคซีนประชาชนในพื้นที่ให้ครอบคลุมมากที่สุดก่อน หากนำเข้ามาอาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ เนื่องจากปัจจุบันพบคลัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้นที่เชื่อมโยงกับกลุ่มแรงงานต่างด้าวในจังหวัดใกล้เคียง
กทม.ปลดล็อกร้านเกม-เน็ต
เย็นวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 32/2564 เมื่อวันที่ 12 พ.ย.64 มีมติเห็นชอบปรับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้บางสถานที่สามารถเปิดดำเนินการ หรือทำกิจกรรมบางอย่างได้ภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบระเบียบ และมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด ได้แก่ 1.ร้านเกม และร้านอินเตอร์เน็ต หรือตู้เกม 2.ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มที่ผ่านการตรวจประเมินตามมาตรฐานความปลอดภัยป้องกันโรค COVID-19 รองรับสุขภาพดีวิถีใหม่ (ThaiStop Covid Plus) ของกรมอนามัย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่16-30 พ.ย.64 หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
ดัตช์อ่วมล็อกดาวน์บางส่วน
สถานการณ์ของโควิด-19 ในยุโรปที่กลับมาระบาดอย่างหนักอีกระลอก ที่เนเธอร์แลนด์ มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นมากนับแต่รัฐบาลยกเลิกมาตรการคุมเข้มเมื่อปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมีผู้ป่วยรายใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่กว่า 16,000 คน ช่วงวันที่ 11-12 พ.ย. จนประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ บางส่วนให้มีผลตั้งแต่คืนวันที่ 13 พ.ย. เป็นเวลาอย่างน้อย 3 สัปดาห์ โดยร้านค้าที่ไม่จำเป็นอย่างกาสิโน ซาวน่า ร้านทำผม หรือสถานบริการทางเพศต้องปิดเวลา 18.00 น. ส่วนร้านอาหารและซุปเปอร์ มาร์เกตเปิดบริการได้ถึงเวลา 20.00 น. อนุญาตให้จัดการแข่งขันกีฬาได้โดยไม่มีผู้ชม และขอให้ประชาชนทำงานจากบ้านให้มากที่สุด ส่วนที่กรุงเวียนนา ของออสเตรีย เริ่มโครงการฉีดวัคซีนป้อง กันโควิด-19 ในเด็กอายุ 5-11 ปี เป็นที่แรกในสหภาพยุโรป ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.นี้เป็นต้นไป โดยใช้วัคซีนไฟเซอร์ ขณะที่รัฐบาลออสเตรียเตรียมพิจารณาในวันที่ 14 พ.ย.ว่า จะใช้มาตรการล็อกดาวน์สำหรับผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือไม่ ที่จะมีผลให้บุคคลเหล่านั้นจะออกจากบ้านได้เฉพาะเหตุจำเป็นเช่นซื้ออาหาร-ของใช้จำเป็น หรือไปพบแพทย์เท่านั้น