“เสรี” เขย่าไม่เลิก 20 ส.ว. ที่เคยประกาศหนุน “พิธา” เป็นนายกฯเริ่มถอยแล้ว เย้ยก้าวไกลแค่เพ้อฝันปั่นราคา “วันชัย” ขย่มซ้ำฝ่ายข้างน้อย 188 เสียง พลิกสู้หัวชนฝา “เศรษฐา” ห่วงตั้งรัฐบาลช้าเศรษฐกิจยิ่งพัง ภารกิจแรกขอเดินหน้าขึ้นค่าแรง ตอกแก๊ง ส.ว.ตัวตึงไม่ชอบ “ส” เสี้ยม “ประเสริฐ” นัดถก “ชัยธวัช” อีกรอบ สางปมประธานสภาฯ “อนุทิน” แจงกระแส “ลุงป้อม” ชิงนายกฯ พรรค ร่วมฯเดิมยังไม่ได้คุยกัน “เฮ้ง” แอบเชียร์ “สุชาติ” เสียบประมุขฝ่ายนิติฯ สูตรพลิกขั้ว “พท.-รทสช.-พปชร.” ยังเป็นแค่กระแส “ธนกร” ชี้มีโอกาสส่งคนชิง หยอดชื่อ “จุติ-วิทยา” เหมาะสม “แสวง” แย้มมีร้องคัดค้านผล ส.ส.เพิ่ม “เมียบิ๊กกี่” ขอแก้ไขนามสกุล ไปใช้สกุลเดิม ผวาขัดข้อห้ามสภาผัวเมีย “ประเสริฐ” ยันตรวจสอบหย่ากันแล้ว จี้ “บิ๊กตู่” โชว์สปิริตออกจากบ้านหลวง “วิโรจน์” แซะกลัวถูกขุดความลับ
พรรคก้าวไกลยังคงเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในการฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาล ทั้งปัญหาการแย่งชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรกับพรรคเพื่อไทย ขณะที่การขอเสียง ส.ว.โหวตหนุนตำแหน่งนายกฯก็ทำท่าสะดุด เมื่อนายเสรี สุวรรณ ภานนท์ ส.ว. ออกมาขู่ว่า 20 ส.ว.ที่เคยประกาศหนุนเริ่มจะถอยแล้ว
“วันชัย” ขย่มฝ่าย 188 เสียงสู้ชนฝา
เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่รัฐสภา นายเสรี สุวรรณ ภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคก้าวไกลยืนยันการเจรจาขอเสียงสนับสนุนจากกลุ่ม ส.ว.โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรียังเป็นไปในทิศทางที่ดีว่า เป็นการปั่นราคาหรือปั่นหุ้นทางการเมือง เท่าที่ทราบ ส.ว.ประมาณ 20 คน ที่เคยประกาศสนับสนุนนายกฯของเสียงข้างมาก ส่วนใหญ่ไม่เคยเอ่ยชื่อนายพิธา และทราบว่าเขาถอยแล้วและใน กมธ.พัฒนาการเมือง ยังมีประเด็นที่ต้องตรวจสอบเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายพิธาอีก แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เป็นขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่ส่งหนังสือไปยังหน่วยงานเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องหนี้สินและทรัพย์สิน
“วันชัย” ขย่มฝ่าย 188 เสียงสู้ชนฝา
ด้านนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ฝ่าย 312 เสียงชนะเลือกตั้งขาดลอย แต่แพ้คะแนนโหวต อีกฝ่าย 188 เสียง แพ้เลือกตั้งราบคาบ แต่ชนะคะแนนโหวตต่างฝ่ายต่างแพ้ ต่างฝ่ายต่างชนะ จะมีใครยอมใครมั้ย ตอนนี้มีคนกำลังจะทำให้ฝ่ายที่ดูว่าแพ้กลับมาชนะแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ผมรู้นะแต่อุบไว้ก่อน ขอนั่งสมาธินิ่งๆอยู่วัดไก่เตี้ย”
“พีระศักดิ์” หนุน “พิธา” นายกฯ
นายพีระศักดิ์ พอจิต ส.ว. กล่าวว่า เรื่องการเลือกนายกฯ เชื่อว่า ส.ว.ทุกคนมีวิจารณญาณ ส่วนตัวยืนยันชัดเจนว่าจะสนับสนุนผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคที่ได้เสียงอันดับ 1 คือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส่วน ส.ว.คนอื่นเป็นอิสระในแต่ละบุคคล กรณีที่มี ส.ว.บางคนกังวลเรื่องคุณสมบัตินายพิธานั้น ขณะนี้ยังไม่มีคำพิพากษาหรือมีคำตัดสินอะไรออกมา ต้องสันนิษฐานว่าทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ และมีคุณสมบัติครบก่อน ส่วนที่มี ส.ว.บางคนระบุว่าพรรคเสียงข้างมากอาจไม่ได้ตั้งรัฐบาล และเสียงข้างน้อยอาจได้เป็นรัฐบาลนั้น ยังไม่ถึงวันเลือกนายกฯ คงยังบอกอะไรไม่ได้ แต่เชื่อว่าทุกคนมีอิสระและใช้ดุลพินิจที่มีประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม คำนึงถึงความเป็นประชาธิปไตยให้เดินหน้าต่อไป เมื่อถามย้ำว่า ส.ว.ขณะนี้มีความเห็นอย่างไร นายพีระศักดิ์ตอบว่า แบ่งออกเป็นหลายทาง แม้นั่งรับประทานอาหารด้วยกันยังคิดไม่ตรงกัน ไม่กล้าพูดแทนใครว่าเสียงส่วนใหญ่เป็นอย่างไร
“เศรษฐา” ห่วงตั้ง รบ.ช้ายิ่งแย่
ที่พรรคเพื่อไทยเมื่อเวลา 14.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ว่า วันนี้จะมีการพูดคุยกัน 2-3 เรื่อง เป็นเรื่องภายในและมาฟังคณะทำงานวิเคราะห์การเลือกตั้งว่าเราทำดี หรือทำไม่ดี เราผิดพลาดตรงไหน เมื่อถามถึงความคืบหน้าการรีแบรนด์พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐาตอบว่า ไปได้ไกลแล้ว หากพร้อมแล้วจะเล่าให้ฟังคงไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ เมื่อถามว่าการจัดตั้งรัฐบาลเหมือนจะล่าช้า ทำให้งานด้านเศรษฐกิจล่าช้าไปด้วย นายเศรษฐาตอบว่า หากล่าช้าไปเป็นสิ่งที่ไม่ดี ทำให้การลงทุนชะลอ นโยบายหลักๆที่จะมากระตุ้นเศรษฐกิจก็ถูกพักไปจะเป็นปัญหาใหญ่ อย่างที่เรียกร้องมาตลอดอยากให้รีบจัดตั้งรัฐบาล ได้คุยกับพรรคพวกในวงเศรษฐกิจ ทราบว่ายอดขายหลายยอดร่วง ตกใจมากเพราะไม่คิดว่าจะตกไปเยอะ โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยที่น่าเห็นใจ
ภารกิจแรกเดินหน้าขึ้นค่าแรง
นายเศรษฐากล่าวว่า เราจะพูดคุยกันว่าหากได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลจริงๆ อะไรบ้างที่เราพร้อมจะเดินหน้าเลย เช่น การขึ้นค่าแรง คิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เป็นรายได้พื้นฐานของประชาชนทุกคน แต่จะขึ้นเท่าไหร่อย่างไร เชื่อว่าคณะทำงานทั้ง 2 พรรค คงเป็นคนกำหนด พรรคเพื่อไทยเราก็ต้องเตรียมการเรื่องนี้ให้ดี เป็นห่วงพี่น้องประชาชนเรื่องปากท้องเป็นเรื่องใหญ่เรื่องการเมืองเป็นเรื่องรอง แต่ทุกวันนี้มีแต่เรื่องการเมืองทั้งนั้น จึงขอเรียกร้องให้มีการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว
ตอก “วันชัย” ไม่ชอบ “ส” เสี้ยม
เมื่อถามว่านายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ระบุว่ามีคนพยายามจะทำให้ฝ่ายที่แพ้กลับมาชนะ นายเศรษฐานิ่งสักครู่ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “สั้นๆ นะครับ ผมชอบ ส.เสือ ที่สร้าง ไม่ชอบ ส.เสือ ที่เสี้ยม” เมื่อถามย้ำว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการทำให้ได้นายกฯ ช้าหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า “จุดยืนผมชัดเจนครับ อยากให้มีการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว เพราะเป็นห่วงพี่น้องประชาชนจริงๆ” เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับ ส.ว.ที่ให้ข่าวว่า กลุ่ม ส.ว.ที่พรรคก้าวไกลพยายามเจรจาด้วย เปลี่ยนใจจะไม่หนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล เป็นนายกฯแล้ว นายเศรษฐาตอบว่า “ไม่ได้ยิน ไม่ทราบ แต่อยากให้มีการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว และอยากให้โหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ” เมื่อถามว่าหากมี ส.ส.ในพรรคโหวตสวนมติเลือกประธานสภาฯ หรืออื่นๆ ทางพรรคมีข้อบังคับอย่างไร นายเศรษฐาตอบว่า ไม่ทราบ คิดว่าเราพูดเรื่องประธานสภาฯกันเยอะแล้ว วันนี้จุดยืนตนชัดเจนอยากให้มีการเลือกประธานสภาฯ และนายกฯโดยเร็ว วันนี้เศรษฐกิจบอบช้ำมาก พักเรื่องการเมืองไปก่อน เอาเรื่องประชาชนดีกว่า
“ประเสริฐ” ถก “ชัยธวัช” อีกรอบ
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องตำแหน่งประธานสภาฯได้นัดคุยกับนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกลแล้ว วันที่ 28 มิ.ย. เพื่อทำความเข้าใจและทำให้เกิดความชัดเจน ทั้งนี้แม้การโหวตในสภาฯ จะเป็นเอกสิทธิ์ แต่พรรคมีข้อบังคับ แม้มีความเห็นต่างกัน แต่เรามีการประชุมเพื่อหาข้อยุติก่อนไปโหวตจริง ต้องมีเอกภาพว่าเสียงจะเป็นไปในทิศทางใด เป็นสิ่งที่เราพยายามทำอยู่ เมื่อถามย้ำว่า เพื่อไทยจะยึดมติพรรคจากการพูดคุยกับ ส.ส.และ กก.บห. หรือยึดหลักการจากที่ไปคุยกับพรรคก้าวไกล นายประเสริฐ ตอบว่า เรายึดหลักการที่แถลงไปก่อนหน้านี้ หากมีคนเห็นค้านก็เป็นหน้าที่ที่พรรคต้องทำความเข้าใจ ข้อท้วงติงของ ส.ส.หลายข้อเราก็รับฟัง บางครั้งสถานการณ์การเมืองเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจในบางเรื่อง แต่ถือว่ากระบวนการยังไม่จบ เพราะเป็นจุดยืนของพรรค ที่เรายังไม่ได้คุยกับพรรคก้าวไกลอย่างเป็นทางการ ส่วนเรื่องตำแหน่งรองประธานฯ อีก 2 เก้าอี้ เป็นเรื่องระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคประชาชาติ ต้องไปหารือกันอีกวง พรรคเพื่อไทยแสดงจุดยืนชัดเจนแล้วว่าควรเป็นของพรรคอันดับ 2 ทั้ง 2 คน
“หนู” รอดูแคนดิเดต ปธ.สภาฯ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า วันที่ 25 มิ.ย. นัดประชุมปฐมนิเทศ ส.ส.ใหม่ที่พรรคภูมิใจไทยก่อนเข้ารายงานตัวต่อสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 26 มิ.ย. เมื่อถามว่าจะพูดถึงทิศทางการโหวตตำแหน่งประธานสภาฯ ด้วยหรือไม่ นายอนุทินตอบว่ายังไม่มีวาระนัดพบกันก่อนเป็นครั้งแรกหลังเลือกตั้ง เมื่อถามว่าซีกรัฐบาลเดิมจะเสนอชื่อบุคคลลงแข่งชิงตำแหน่งประธานสภาฯด้วยหรือไม่ นายอนุทินตอบว่าไม่ได้รับการประสานอะไรทั้งสิ้น พรรคเรายังเหมือนเดิมให้เป็นไปตามกติกาประชาธิปไตย เมื่อถามย้ำว่าหากมีการเสนอชื่อคนลงแข่งจะทำอย่างไร นายอนุทินตอบว่า ค่อยว่ากัน อย่าเพิ่งคิดไปก่อน อะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชน นั่นคือทิศทางที่พรรคภูมิใจไทยจะพิจารณาในแนวทางนั้น เมื่อถามอีกว่าคุณสมบัติประธานสภาฯ ควรจะเป็นผู้ที่มีอาวุโสหรือเป็นเด็กใหม่ นายอนุทินตอบว่า ขอดูตัวแคนดิเดตฯก่อน ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร ต้องรักษามารยาททางการเมืองอย่างที่บอก
“ลุงป้อม” ชิงนายกฯ ยังไม่คุยกัน
เมื่อถามถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อาจลงชิงนายกฯ นายอนุทินตอบว่า ไม่ทราบ บรรดาหัวหน้าพรรคยังไม่ได้พูดคุยกันเลย ยังไม่ถึงเวลา คาดว่าคงได้พบกันในวันเปิดประชุมสภาฯ วันที่ 3 ก.ค. เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยถูกจับจ้องว่าจะเป็นพรรคตัวแปร นายอนุทินตอบว่า จ้องทุกที ไม่ต้องจ้อง พรรคภูมิใจไทยทำตามมารยาทการเมืองตลอด เราเคารพมารยาทการเมือง เมื่อถามต่อว่าหากมีการเชิญพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมรัฐบาลด้วย นายอนุทินตอบว่า มันยังไม่มี เมื่อถามย้ำว่าหากมีการชวนไปร่วมเติมเสียงจะได้ไม่ต้องใช้เสียง ส.ว. นายอนุทินตอบว่า จะมีได้อย่างไร หัวหน้าพรรคก้าวไกลก็บอกแล้วว่าไม่จำเป็นต้องใช้พรรคภูมิใจไทย ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากนั้น
“เฮ้ง” แอบเชียร์ “สุชาติ” เพื่อไทย
ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกระแสข่าวนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. อาจลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ ว่าเป็นแค่ข่าวลือ ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในพรรคแต่หวังดี ขอปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าว เมื่อถามว่า รทสช.จะเดินหน้าต่ออย่างไร นายสุชาติตอบว่า เรามี ส.ส. 36 คน ถือว่าไม่น้อย ต้องทำพรรคให้แข็งแรงต่อไป เมื่อถามถึงแนวทางการโหวตประธานสภาฯ นายสุชาติตอบว่า รอดูความชัดเจนว่าพรรคไหนจะเสนอชื่อ รทสช.ต้องหารือกันภายในพรรคให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตำแหน่งประธานสภาฯเป็นเรื่องสำคัญ เป็นจุดสตาร์ตในการเริ่มประชุมสภาฯ เมื่อถามถึงการชิงเก้าอี้ประธานสภาฯ ระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย นายสุชาติตอบว่า ตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติสำคัญมาก ต้องเหมาะสม ต้องเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคะแนนโหวต เมื่อถามว่า รทสช.จะเสนอชื่อแข่งหรือไม่ นายสุชาติตอบว่า รทสช.มีมารยาทพอ คงไม่ถึงขนาดนั้น เมื่อถามว่านายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เหมาะสมเป็นประธานสภาฯหรือไม่นายสุชาติตอบว่า ส่วนตัวรู้จักกัน จังหวัดติดกัน ท่านมีคุณวุฒิวัยวุฒิสูง เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง พูดในนามส่วนตัวก็ต้องยอมรับท่าน
สูตรพลิกขั้วยังเป็นแค่กระแส
เมื่อถามถึงกระแสข่าวมีความพยายามผลักดัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ชิงตำแหน่งนายกฯ นายสุชาติตอบว่า ตามรัฐธรรมนูญใครที่รวมเสียงได้มากกว่าก็เป็นรัฐบาลส่วนใครจะรวมกับใครตนไม่ได้อยู่ในวง หลายสูตรเป็นสมการได้หมด เมื่อถามว่าซีกพรรค 188 เสียง อาจรวมเสียง 250 ส.ว.พลิกมาชนะ เป็นไปได้หรือไม่ นายสุชาติตอบว่า สูตรการตั้งรัฐบาลมีหลายสูตร อยู่ที่จะออกแบบอย่างไร ไม่กล้าพูดขนาดนั้น ให้พรรคที่ตั้งกันอยู่ตั้งให้ได้ก่อน เมื่อถามถึงสูตรการตั้งรัฐบาลของ รทสช. พปชร. และพรรคเพื่อไทย โดยไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร นายสุชาติตอบว่าขึ้นอยู่กับใครรวมได้มากกว่าก็ตั้งรัฐบาล สูตรต่างๆ เป็นแค่กระแส แต่ความจริงไม่ใช่ เราต้องดูปัจจุบัน
“ธนกร” ชี้มีโอกาสส่งคนชิง
นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวถึงแนวทางการโหวตเลือกประธานสภาฯ ว่า เข้าใจว่าผู้ใหญ่ของแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลเดิมน่าจะพูดคุยกันนอกรอบบ้างแล้ว รทสช.ก็ต้องประชุมหารือกันภายในพรรคก่อนว่าจะมีมติอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการโหวตเลือกประธานสภาฯ หรือโหวตเลือกนายกฯ ต้องเป็นมติพรรค เมื่อถามว่า รทสช.มีแนวคิดจะส่งคนชิงประธานสภาฯหรือไม่ นายธนกรตอบว่า ต้องคุยกันในพรรคก่อน เมื่อถามว่าหากมีโอกาสมองว่าจะส่งในนามพรรคร่วมรัฐบาลเพียงคนเดียวหรือไม่ นายธนกรตอบว่า แต่ละพรรคมีสิทธิเสนอ ทางที่ดีถ้าเราคุยกันได้แล้วเสนอไปหนึ่งคนก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องคุยกันก่อน
หยอดชื่อ “จุติ–วิทยา” เหมาะสม
เมื่อถามว่ามองไว้บ้างหรือยังมีใครใน รทสช.ที่เหมาะสมเป็นประธานสภาฯ นายธนกรตอบว่า ถ้าพูดถึงความเหมาะสม ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคหลายคนมีความรู้ความสามารถ มีความอาวุโส เช่น นายจุติ ไกรฤกษ์ และนายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค มีประสบการณ์มากเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการเมือง แต่เราเป็นพรรคเล็กมีแค่ 36 เสียง เราต้องประมาณตนทำอะไรได้ทำอะไรไม่ได้ ยกเว้นว่าพรรคร่วมรัฐบาลเดิมพูดคุยกันนอกรอบและตกลงร่วมกัน ก็เป็นไปได้ แต่วันนี้เราต้องประมาณตนก่อนว่าได้เสียงมานิดเดียว แค่ 36 เสียง
“แสวง” แย้มมีร้องคัดค้านเพิ่มเติม
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ให้สัมภาษณ์ระหว่างตรวจความเรียบร้อยการแจกหนังสือรับรองผลการเลือกตั้งให้กับ ส.ส.ว่า ภาพรวมทุกอย่างเรียบร้อยดี ส.ส.คนไหนที่ไม่ได้มารับรองหนังสืออย่างเป็นทางการภายในวันที่ 24 มิ.ย. ยังสามารถมารับได้ภายหลังที่ชั้น 5 สำนักงาน กกต. ส่วนการพิจารณาเรื่องร้องเรียนคัดค้านผลเลือกตั้งนั้น อยู่ที่สำนักงานฯ หรือคณะกรรมการสืบสวนว่า ทำการสืบสวนและทำความเห็นมาได้มากน้อยแค่ไหน คงทยอยส่งเรื่องเข้ามา ทั้งนี้ หลัง กกต.ประกาศรับรองผล ส.ส. ยังมีผู้ร้องเรียนเข้ามาเพิ่มเติมจาก 82 คน แต่ยังไม่ได้เปิดดูในรายละเอียด ยอมรับว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมามีปัญหาระหว่างทาง เกิดจากการบริหารจัดการในส่วนของ กกต. ต้องดูว่าจะปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างไร ส่วนหนึ่งเกิดจากกรรมการประจำหน่วย (กปน.) เชื่อว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก
“เมียบิ๊กกี่” ขอแก้ไขนามสกุล
ที่รัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดให้มีการรายงานตัว ส.ส.ชุดที่ 26 เป็นวันที่ 4 บรรยากาศช่วงครึ่งวันเช้าค่อนข้างเงียบเหงา มีนางประวีณ์นุช อินทปัญญา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ภรรยาของ “บิ๊กกี่” พล.อ.นพดล อินทปัญญา ส.ว. เพื่อนเตรียมทหารรุ่นเดียวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. มารายงานตัวเป็นคนแรก เป็นที่น่าสังเกตว่านางประวีณ์นุชระบุชื่อนามสกุลในเอกสารการรายงานตัว ส.ส.ว่า นางประวีณ์นุช อินทปัญญา ก่อนจะขอแก้ไขนามสกุลเป็นนามสกุล “เลิศจิตติสุทธิ์” ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนางประวีณ์นุชถึงกรณีที่ พล.อ.นพดลเป็น ส.ว. เป็นข้อต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ แต่นางประวีณ์นุชปฏิเสธที่จะตอบคำถาม บอกเพียงขอไม่ให้สัมภาษณ์ ก่อนจะรีบเดินออกจากสภาฯไปทันที
ส่อขัดข้อห้าม รธน. สภาผัวเมีย
นายเจษฎ์ โทณวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 108 มีลักษณะต้องห้ามของ ส.ว.คือห้ามบุคคลที่มีบุพการี คู่สมรส หรือบุตร ดำรงตำแหน่ง ส.ส. หรือ ส.ว. ข้าราชการการเมือง ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นในคราวเดียวกัน กรณีนี้หากนางประวีณ์นุชยังไม่ได้จดทะเบียนหย่ากับ พล.อ.นพพลจะส่งผลต่อคุณสมบัติของ ส.ว. ทันที แต่ไม่ส่งผลต่อคุณสมบัติของ ส.ส. แต่หากนางประวีณ์นุชจดทะเบียนหย่าก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็ไม่มีปัญหา เพราะรัฐธรรมนูญดูแต่สถานะทางกฎหมายเท่านั้น หากอยู่กินกันฉันสามีภรรยาในทางพฤตินัยไม่ครอบคลุม เหมือนกับกรณีการตรวจ สอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ต้องการแก้ไขปัญหาสภาฯผัวเมีย
“ประเสริฐ” ตรวจสอบหย่ากันแล้ว
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตอน น.ส.ประวีณ์นุชเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เราได้ตรวจสอบคุณสมบัติแล้วพบว่าไม่ผิดคุณสมบัติ ส.ส. ถือว่ามีคุณสมบัติครบ จากนั้น กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติอีกครั้ง พบว่ามีคุณสมบัติครบ และการดำรงตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อถือว่าสมบูรณ์ ส่วนประเด็นการหย่าหรือไม่หย่า เข้าใจว่าไม่มีผลทางกฎหมาย และข้อเท็จจริงวันนี้คือหย่ากันแล้ว มีการกลับไปใช้นามสกุลเดิม ปัจจุบันทราบว่าไม่ได้อยู่ร่วมกันในฐานะสามีภรรยากันแล้ว ฉะนั้นประเด็นนี้ไม่น่าเป็นห่วง
จี้ “บิ๊กตู่” โชว์สปิริตพ้นบ้านหลวง
นายประเสริฐยังกล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยืนยันจะไม่ย้ายออกจากบ้านหลวง ใน ร.1 ทม.รอ.ว่า ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยว่าการอยู่บ้านหลวงถูกต้อง โดยใช้ระเบียบบังคับว่าด้วยการพักอาศัยข้าราชการกองทัพบก ว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ แต่ครั้งนี้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์พ้นจากตำแหน่งนายกฯแล้ว โดยวุฒิภาวะควรแสดงสปิริตว่าไม่ควรอยู่ในบ้านหลวง หากจะนับว่าเป็นอดีต ผบ.ทบ.ต้องไปดูว่ามีข้าราชการที่เป็น ผบ.ทบ.เกษียณอายุมีหลายคน ไม่เช่นนั้นก็ต้องมาอยู่ได้ เข้าใจว่าบ้านหลังนั้นคงมีอะไร เหมือนหวงเหลือเกิน เพราะหลายเหตุการณ์ใช้บ้านหลังนั้นเป็นที่ประชุมหารือของบุคคลสำคัญ
“วิโรจน์” แซะกลัวถูกขุดความลับ
ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ทวีตข้อความลงทวิตเตอร์ระบุว่า “การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยังยืนยันที่จะอยู่บ้านหลวง โดยอ้างเรื่องความปลอดภัยคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้กลัวใครมาทำร้ายหรอก แต่อาจกลัวว่าเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ถูกเก็บเอาไว้ที่บ้านหลวงหลังนั้น จะเป็นหลักฐานในการสมคบคิดอะไรกันบางอย่าง อาจถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนก็เป็นได้”
“ชัช” ตั้งธงดันกาสิโนถูก ก.ม.
อีกเรื่อง นายชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์หลังเข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาฯว่า ดีใจ และขอบคุณประชาชนที่ไว้วางใจให้ได้กลับเข้ามาทำงานรับใช้อีกครั้ง มีความตั้งใจผลักดันกาสิโนให้ถูกกฎหมาย ในรูปแบบสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) ให้สำเร็จ หวังว่าสภาฯชุดที่ 26 จะนำรายงานของคณะกรรมา ธิการฯที่พิจารณาศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้กลับมาพิจารณา ผลักดันให้ประเทศไทยมีกาสิโนที่ถูกกฎหมาย เพื่อหารายได้จากการท่องเที่ยวประเทศไทย และแก้ปัญหาหนี้สินให้กับประชาชน รวมถึงเป็นงบฯสนับสนุนให้เด็กไทยได้เรียนหนังสือฟรี
ม็อบรักชาติรอเก้อ “ธนาธร” ชิ่ง
เวลา 13.00 น. ที่ด้านหน้าโรงแรมไอบิส สไตล์ เชียงใหม่ ถนนคันคลองชลประทาน อ.เมืองเชียงใหม่ นายธีระ วิสิทธิ์พานิช ผู้ประสานงานเครือข่ายคนไทยรักชาติรักสถาบัน (ภาคเหนือ) และกลุ่มเครือข่ายชาติพันธุ์ นำสมาชิกชุมนุมถือป้ายคัดค้านการจัดเสวนา “แห่ไม้ก้ำประชาธิปไตย ปักหมุดหมายกระจายอำนาจ” ที่จัดขึ้นที่ห้องประชุม 4 ชั้น 8 ภายในโรงแรมที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า มีกำหนดขึ้นปาฐกถาหัวข้อ “ภาพรวมการกระจายอำนาจ” แต่ปรากฏว่านายธนาธรไม่ได้มา แต่มอบหมายให้นายชำนาญ จันทร์เรือง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ แกนนำคณะก้าวหน้า มาปาฐกถาแทน
โฆษก ทร.แจง 3 ข้อกังขาเพจดัง
วันเดียวกัน พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ (ทร.) กล่าวถึงกรณีเพจ CSI LA นำเสนอข้อมูลที่มีผลกระทบกับ ทร.ว่า ทร.ยอมรับว่ามีโครงการจัดหารถหุ้มเกราะล้อยาง (8×8) ชนิดลำเลียงพล 7 คัน วงเงิน 448 ล้านบาท ที่บริษัท ชัยเสรีฯ เป็น 1 ใน 3 รายที่ยื่นข้อเสนอให้ ทร.คัดเลือก ปัจจุบันโครงการอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาและขออนุมัติสั่งซื้อจากกระทรวงกลาโหม ขั้นตอนการจัดหายุทโธปกรณ์ หรือทำสัญญากับบริษัทคู่สัญญาของ ทร. มีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง เราคำนึงถึงการใช้งบฯให้คุ้มค่าสูงสุด โปร่งใส ตรวจสอบได้ ดังนั้นเรื่องการเรียกค่าหัวคิว 15% ไม่เป็นความจริง ส่วนข้อกล่าวหาให้บริษัท RV Connex ดูแล ที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมนีนั้น เป็นเรื่องที่ พล.ร.อ.ชลทิศ นาวานุเคราะห์ เสธ.ทร. และคณะ ไปตรวจเยี่ยมสำนักงานผู้ช่วยทูตทหารเรือไทย ประจำกรุงเบอร์ลิน วันที่ 7-15 เม.ย.66 และไปดูงานบริษัท Rohde & Schwarz ที่เมืองมิวนิก ตามคำเชิญของบริษัท ค่าใช้จ่ายของคณะเบิกจ่ายตามระเบียบกระทรวงกลาโหม อีกกรณีบีบบังคับแก้ไขสัญญาอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จเอื้อบริษัทรับเหมาพวกพ้อง โครงการตามที่เพจ CSI LA กล่าวถึง คืออาคารบัญชาการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การก่อสร้างล่าช้าจากแผนการแก้ไขสัญญาโครงการเป็นการแก้ปัญหาที่อยู่ระหว่างพิจารณากลั่นกรองอย่างรอบคอบ มิได้มีแนวคิดหรือพยายามทุจริต หรือเอื้อประโยชน์แต่ประการใด
ชี้คนในปล่อยข่าวดิสเครดิต
พล.ร.อ.ปกครองกล่าวด้วยว่า การออกมาให้ข่าวโจมตี ทร.จากเพจ CSI LA ในครั้งนี้ มีข้อสังเกตว่า ข่าวลักษณะนี้มักจะมาในช่วงฤดูโยกย้าย โดยมีผู้ไม่หวังดีภายใน ทร.ส่งข้อมูลให้ เพื่อจุดประสงค์ดิสเครดิตผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ทร. หวังผลต่อการพิจารณาการดำรงตำแหน่งชั้นยศนายพลในช่วงเดือน ต.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พล.ร.อ.ชลทิศเป็นตัวเต็งชิงตำแหน่ง ผบ.ทร. ร่วมกับแคนดิเดตฯอีก 2 คน คือ พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้ช่วย ผบ.ทร. และ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.กองเรือยุทธการ
“มาดามรถถัง” ขู่ฟ้องแชร์เฟกนิวส์
นางนพรัตน์ กุลหิรัญ รองประธาน บริษัทชัยเสรี เม็ททอลแอนด์รับเบอร์ จำกัด หรือ “มาดามรถถัง” ทำหนังสือชี้แจงสื่อมวลชนกรณีที่เพจ CSI LA โพสต์ข้อมูลอ้างว่า “นายพล ช. เรียกเงินจากบริษัท ชัยเสรีของมาดามรถถัง 15%” ว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่มีมูลความจริง ถือเป็นการดิสเครดิตและสร้างความเสียหายต่อบริษัทฯและกองทัพเรือ (ทร.) พยายามปลูกฝังความเชื่อด้านการทุจริตคอร์รัปชัน ต่อภาคอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ขอให้ประชาชนติดตามข่าวอย่างมีวิจารณญาณ ตั้งข้อสังเกตกับผู้สร้างข่าวผู้ใดได้รับประโยชน์จากข่าว ขอเรียกร้องให้เพจดังกล่าวเปิดเผยแหล่งที่มาข้อมูลพิสูจน์ให้สังคมทราบอย่างโปร่งใส และเป็นธรรมกับทุกฝ่ายโดยเร็ว ขอความกรุณาสื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนแชร์ต่อ หากมีความเสียหาย บริษัทฯขอสงวนสิทธิดำเนินการทางกฎหมาย