“ส.ว.” เย้ย “ก้าวไกล” ไร้พลังเงียบ ส.ว. ผวาถูกขู่ให้ชงชื่อ “พิธา” ซ้ำ กระโดดขวาง “เพื่อไทย” นั่งนายกฯ หากจับมือ “ก้าวไกล”
เมื่อวันที่ 8 ก.ค. นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กล่าวถึงกรณี ส.ว. บางส่วนมีความเห็นไม่ให้นำชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มาโหวตเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่ 2 หากการโหวตรอบแรกไม่ได้รับเสียงเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาว่า แม้ตามรัฐธรรมนูญจะไม่มีข้อห้ามให้ผู้ที่เสนอชื่อโหวตนายกฯ รอบแรกไม่ผ่าน ไม่ให้กลับมาเสนอรอบสอง แต่ในทางปฏิบัติควรเสนอชื่อบุคคลอื่นแทน เพราะมีความชัดเจนไปแล้วว่า ที่ประชุมรัฐสภาไม่เห็นด้วยกับรายชื่อที่เสนอ ถ้ายังให้นำกลับมาเสนอชื่อซ้ำได้ จะถูกตั้งคำถามมากว่า ทำเพื่ออะไร จะเพื่อไปติดต่อ วิ่งเต้นขอคะแนน หรือให้ผลประโยชน์อะไรหรือไม่ ตามมาตรฐานสากล หากมีการโหวตเลือกใครไปแล้ว ไม่ได้รับความเห็นชอบถือว่าควรจบไปในรอบเดียว แล้วไปจัดทัพรวบรวมเสียง หาคนมาใหม่มาเลือกใหม่ ถ้าให้เลือกซ้ำคนเดิมได้ ก็ไม่รู้จะโหวตเลือกกันไปกี่รอบ ยิ่งการโหวตเลือกรอบแรกไปแล้ว ทำให้รู้ว่า ใครโหวตเลือกหรือไม่เลือก อาจจะมีการล็อบบี้หรือข่มขู่เจ้าตัวหรือลูกเมียให้เกิดความกลัว เพื่อให้เลือกในรอบต่อไป ที่ผ่านมา ส.ว. ก็โดนข่มขู่ลักษณะนี้ แต่เราไม่กลัว
นายเสรี กล่าวว่า ขณะนี้ ส.ว. หลายคนเปลี่ยนใจ จากเดิมจะสนับสนุนเป็นไม่สนับสนุนนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี หลังได้รับฟังเหตุผลต่างๆ จนเปลี่ยนใจ แม้พรรคก้าวไกลยังเชื่อว่า มีพลังเงียบจาก ส.ว. จะโหวตให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ตนอยู่วงใน ทราบอะไรได้ชัดและเยอะกว่า เชื่อว่าไม่มีพลังเงียบ ส.ว. ถ้ามีก็แค่บวกลบ 5 คน ถ้าจะมีอะไรเปลี่ยนไป ก็คงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เพราะช่วงหลังเริ่มข่มขู่กันเยอะขึ้น ทั้งผ่านคนในครอบครัว ผ่านไลน์ ถึงความไม่ปลอดภัย ตนก็โดนข่มขู่ระวังลูกเมียไม่ปลอดภัย ส่วนกระแสข่าวแจกเงินซื้อ ส.ว. ในการโหวตนายกฯ มีได้ยินมาบ้าง แต่ไม่รู้มีจริงหรือไม่ แต่ใครให้ก็เสียเงินเปล่า ส.ว. ส่วนใหญ่ยืนยันไม่หนุนนายพิธา เพราะมีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 และกฎหมายอื่นๆ ไม่ต้องมาโทษ ส.ว. ทุกอย่างทำตัวเองทั้งนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายพิธาไปไม่รอด พรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกล ส.ว. พร้อมโหวตให้แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ หรือไม่ นายเสรี ตอบว่า ส.ว. เคยหารือกันถึงกรณีถ้าเปลี่ยนตัวนายกฯ เป็นของพรรคเพื่อไทย แต่ยังมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลอยู่ เสียง ส.ว. ส่วนใหญ่ก็ไม่สนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ถ้าพรรคก้าวไกลยังร่วมรัฐบาลและจะแก้มาตรา 112 อยู่ ส.ว. ก็ไม่สบายใจ ก้าวไกลควรไปเป็นฝ่ายค้าน แม้ขณะนี้การเสนอแก้มาตรา 112 ยังเป็นแค่ขั้นตอนทางกฎหมาย อาจไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภาในที่สุด แต่ ส.ว. อยากแก้ปัญหาตั้งแต่ต้น เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม เพราะไม่อยากให้เข้ามาอภิปราย เสนอความเห็น มีคนวิพากษ์วิจารณ์ จะทำให้ปัญหาลามไปสู่ภายนอกได้ เกิดความขัดแย้งยิ่งขึ้นอีก ดังนั้นหากพรรคก้าวไกลยังร่วมรัฐบาล และไม่ลดราวาศอก ไม่หยุดแก้ไขมาตรา 112 ส.ว. ก็ไม่เลือก ไม่ว่าจะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯ ก็ตาม ถ้าก้าวไกลไม่ถอยแก้มาตรา 112 วุฒิสภาก็ไม่ถอย ส่วนถ้าพรรคเพื่อไทยข้ามขั้วไปจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมตั้งรัฐบาลนั้น โดยไม่ไปแตะต้องมาตรา 112 ก็ถือเป็นการเมืองปกติ ส.ว. พร้อมโหวตสนับสนุน ปัญหาจะไม่มีเลย
นายเสรี กล่าวว่า ส่วนหากอดีตพรรคฝ่ายรัฐบาลเดิมจะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยมาสู้หากการโหวตนายกรัฐมนตรี ไม่สำเร็จสักทีนั้น เชื่อว่า ส.ว. ก็ไม่น่าโหวตให้คนฝ่ายเสียงข้างน้อยเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลเสียงน้อยตั้งไปไม่มีประโยชน์ เพราะไม่มีเสียงสนับสนุนถึง 250 เสียง การบริหารประเทศจะไม่ได้รับความร่วมมือในการออกกฎหมายสำคัญๆ ได้แต่แก้ปัญหาของตัวเองก็เหนื่อยพอแล้ว แต่ไม่มีเวลาบริหารประเทศ ส.ว. ต้องคำนึงเรื่องเหล่านี้ด้วย ดังนั้นโอกาสไปหนุนเสียงข้างน้อยเป็นนายกรัฐมนตรีแทบจะไม่มี แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่คงไม่ได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว.