พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวภายหลังเข้าให้การแก่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการไต่สวนกรณีคำร้องพรรคเล็กรับเงินจากพรรคพลังประชารัฐ โดยอ้างอิงว่าเข้าข่ายการครอบงำพรรคเล็ก ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีอย่างน้อย 6 พรรค ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 20 และเห็นว่าเป็นการดีที่ตำรวจได้รับผิดชอบคำร้องนี้ในการไต่สวน ซึ่งจะทำให้การสอบสวนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
พร้อมชี้พฤติการณ์ของพรรคเล็กที่อยู่กับพรรครัฐบาล พรรคพลังประชารัฐ และได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นรายเดือนทั้งคนในพรรคตัวเองและพรรคอื่น ยอมรับว่ายังไม่มีหลักฐานชี้ชัด แต่มีข้อมูลว่ามีการโอนเงินและเซ็นต์รับ รวมถึงการระบุเลขบัญชีธนาคารขัดเจน และมีคลิปการยอมรับแล้ว โดยได้กล่าวถึงรายชื่อปรากฎในเอกสารเซ็นลายมือชื่อที่อ้างว่าเป็นการเซ็นต์รับเงินว่า มี ส.ส. 7 คน ที่เซ็น แต่เท่าที่เห็นมี ส.ส. คนเดียวที่อภิปรายในสภาฯ คือ นายระวี มาศฉมาดล ส.ส. พรรคพลังธรรมใหม่ และท้วงติงว่าเป็น ส.ส. มีหน้าที่ออกกฎหมายแต่ไม่รู้กฎหมาย
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ย้ำความมั่นใจในการทำหน้าที่ของหัวหน้าพนักงานสอบสวนคำร้อง เชื่อว่าจะนำไปสู่การยื่นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคพลังประชารัฐตามคำร้องแน่นอน ซึ่งมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค และมีร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นเลขาธิการพรรคในขณะนั้น เชื่อว่ามีส่วนรู้เห็นในฐานะเจ้าของพื้นที่มูลนิธิป่ารอยต่อ แต่จะช้าเร็วก็อยู่ที่ กกต. ทั้งนี้ก็ได้มีการยื่นร้องต่อ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ในการตรวจสอบเช่นกัน
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร สมาชิกพรรคเสรีรวมไทย ชี้แจงขั้นตอนว่าในการเข้าให้ถ้อยคำวันนี้ในฐานะ 1 ใน 2 ผู้ร้องซึ่งอีกคนหนึ่งคือนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เชื่อว่าหลังจากนี้ กกต. จะเรียกผู้ถูกร้องเข้ามาให้ถ้อยคำด้วย ขณะเดียวกัน กกต. ได้ทำหนังสือไปยังธนาคารทุกธนาคารในการตรวจสอบเส้นทางการเงินที่มีการเซ็นเอกสารรับเงิน เรียกร้องให้ กกต. เร่งตรวจสอบและส่งศาลรัฐธรรมนูญก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะเกิดขึ้น