แฟนสาวบอกเลิกแล้วยังไม่จบ หนุ่มแค้นหนักตามยิงใส่รถ-ห้องเช่าพรุน เผยหลักฐานส่งภาพปืนกระสุนมาข่มขู่ก่อนก่อเหตุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ร.ต.ท.หญิง เกวลิน ไชยรัตน์ พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงบ้านพักและรถยนต์ ในบริเวณบ้านพักที่ให้เช่าที่ตั้งอยู่ในซอยชูสุวรรณ ริมถนนสายนคร-พรหมคีรี หมู่ 7 ตำบลท่างิ้ว อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
ที่เกิดเหตุพบว่าเป็นอาคารบ้านเช่าจำนวนหลายหลังติดกัน หน้าบ้านพักหลังหนึ่ง ในโรงจอดรถพบรถยนต์กระบะอีซูซุ 4 ประตูสีน้ำเงินสด หมายเลขทะเบียน 1812 นครศรีธรรมราช สภาพประตูด้านขวาถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเป็นรูพรุนหลายรู ใกล้กันพบทับกระสุนตกอยู่ 1 ชิ้นจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยรถยนต์คันนี้เป็นของ นายศุภณัฐ (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ชาวอำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่พักอยู่ในบ้านเช่าที่เกิดเหตุเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังพบว่าที่บ้านเช่าซึ่งมี นางสาวศิริภาวรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ชาวอำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นผู้เช่าอาศัย พบรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิด มีรูกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเจ้าเข้าผนังและกระจกอีกหลายรู
นางสาวศิริภาวรรณ ผู้เสียหาย ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่าคนร้ายได้เข้าก่อเหตุ 2 ครั้งซ้อน โดยเมื่อวานนี้ (19 ก.ย.) เวลาประมาณ 06.00 น. ช่วงเช้าตรู่ได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่บ้านที่พักอยู่มา 1 ครั้งแล้วหลบหนี ต่อมาช่วงย่ำรุ่งของวันนี้ประมาณ 04.00 น. ได้เข้าก่อเหตุอีกครั้ง โดยใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์และบ้านได้รับความเสียหาย เคราะห์ดีที่กระสุนไม่ถูกใคร
ผู้เสียหายยังให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่พร้อมหลักฐานเป็นข้อความและภาพในแชตของผู้ต้องสงสัยว่าเป็นอดีตแฟนหนุ่มของเธอ โดยมีการส่งภาพอาวุธปืน กระสุนและข้อความข่มขู่ ก่อนที่จะเกิดเหตุ
โดยมูลเหตุนั้นเชื่อว่ามาจากสาเหตุที่เธอได้บอกเลิก และแยกทางกับผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นอดีตแฟนเก่าเมื่อหลายเดือนก่อน หลังจากนั้นอดีตแฟนรายนี้ยังตามระรานและข่มขู่ไม่เลิกจนกระทั่งเกิดเหตุขึ้น และระบุว่าไม่เคยมีปัญหาหรือโกรธเคืองกับใครเว้นแต่แฟนเก่าซึ่งต้องสงสัยอยู่เพียงรายเดียว
อย่างไรก็ตาม หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ รวมทั้งสอบถามข้อมูลกับเจ้าของบ้านเช่าที่อาศัยอยู่ใกล้กัน เนื่องจากเป็นเจ้าของห้องเช่าที่ได้รับความเสียหายจากการก่อเหตุของคนร้าย และได้ไปติดตามไล่กล้องวงจรปิดเพื่อเป็นหลักฐานจะได้ติดตามผู้ต้องสงสัยรายนี้มาสอบสวนและดำเนินคดีต่อไปแล้ว