อธิการบดี ม.ราชภัฏสงขลา ร่วมกับนายก อบต.เกาะยอ จัดงานล่องเรือทอดกฐินวันลอยกระทง วัดแหลมพ้อ จัดขบวนเรือหางยาวประมาณ 50 ลำ แห่กฐินไปตามน้ำทะเลสาบสงขลา ถือเป็นการสร้างสีสันใช้เรือแทนนั่งรถ
เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2565 บรรยากาศขบวนเรือหางยาวแห่กฐินทางน้ำของชาวบ้านในพื้นที่อำเภอเมืองสงขลา ประมาณ 50 ลำ กำลังแห่กฐินไปตามทะเลสาบสงขลา มุ่งหน้าไปวัดแหลมพ้อ ตำบลเกาะยอ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ส่วนประเพณีแห่กฐินทางน้ำนั้นเดิมที การทอดกฐินทางน้ำ เนื่องจากในอดีตคนไทยใช้ชีวิตติดริมคลองพึ่งพาสายน้ำสัญจรเดินทาง ทำบุญตักบาตรก็ต้องอาศัยเรือเป็นพาหนะ กฐินทางน้ำ เป็นการทอดผ้ากฐินเหมือนทั่วๆ ไป แต่วิธีการนั้นต่างกันตรงที่ใช้การเดินทางทางน้ำล่องเรือแทนการนั่งรถ พร้อมมีการนำกลองยาว แตรวง และนางรำสร้างบรรยากาศและสีสันงานบุญ ให้สนุกสนานยิ่งขึ้น
ส่วนวัดพระนอนแหลมพ้อ หรือวัดแหลมพ้อ เป็นวัดเก่าแก่กว่า 200 ปี ครั้งหนึ่งในอดีตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสทางน้ำขึ้นที่ท่าเรือหน้าวัดอีกทั้งมีประติมากรรมที่เก่าแก่ที่กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานและมีพระพุทธรูปปางปรินิพพานองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
วัดแหลมพ้อ หรือที่หลายๆ คนเรียก “วัดพระนอนแหลมพ้อ” ถือว่าเป็นวัดที่เก่าแก่อีกวัดหนึ่งในจังหวัดสงขลา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมันรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยมีพระครูทิพวาสี (พรหมแก้ว) จากวัดท้ายยอมาดำเนินการก่อสร้าง ที่มาของชื่อวัดแหลมพ้อนั้น มาจากบริเวณพื้นที่ของวัดเป็นแหลมยื่นออกไปในทะเลสาบ อีกทั้งมีต้นพ้อขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเรียกชื่อวัดกันต่อมาว่า “วัดแหลมพ้อ” และในอดีตเมื่อปี พ.ศ. 2360 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จประพาสทางน้ำขึ้นท่าเรือที่บริเวณหน้าวัด
ในการจัดงานแห่กฐินทางน้ำในครั้งนี้ โดยมี รศ.ดร.ทัศนา ศิริโชติ อธิการบดี ม.ราชภัฏสงขลา นายไพโรจน์ รัตนภิรมย์ ประธาน กรรม การส่งเสริมกิจการ ม.ราชภัฏ สงขลา และประธาน ชมรมเรือพายจังหวัดสงขลา รศ.ดร.สืบพงศ์ ธรรมชาติ ผอ.สถาบัน ทักษิณคดีศึกษา สงขลา ร.ต.ท.โกวิทย์ รัชนียะ นายก อบต.เกาะยอ ได้ร่วมกันจัดงาน “ล่องเรือทอดกฐินวันลอยกระทง วัดแหลมพ้อ”
ภายในวัดนอกจากจะมีการทำบุญแล้วยังมีบูธสินค้าของคนในชุมชนนำสินค้าพื้นเมือง และของกินของใช้ที่ขึ้นชื่อในพื้นที่บนเกาะยอมาวางขายให้กับนักท่องเที่ยวเป็นของฝากที่ระลึก และมาถ่ายรูปเซลฟี่วัดพระนอนแหลมพ้อ และอนุสาวรีย์ปลากะพงในวัดแหลมพ้ออีกด้วย.